วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

มารู้จักกับ องุ่นแห่งท้องทะเล

Picture

สาหร่ายพวงองุ่นคืออะไร ?
          สาหร่ายพวงองุ่นมีหลากหลายชื่อเรียกมาก จะเรียกกันไปตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งคนไทยจะรู้จักกันในชื่อของ สาหร่ายพวงองุ่น, สาหร่ายพริกไทย, คาเวียร์สีเขียว (Green Caviar) หรือองุ่นแห่งท้องทะเล (Sea Grapes) นอกจากนี้ยังมีชื่อในภาษาอื่น ๆ อีก เช่น  Lelato, Ararusip และ Lato ส่วนชาวญี่ปุ่น ประเทศที่นิยมกินสาหร่ายชนิดนี้จะเรียกว่า Umi-budou ซึ่งแปลว่า องุ่นแห่งท้องทะเล เพราะด้วยรูปลักษณ์ของสาหร่ายชนิดนี้จะเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ สีเขียวเกาะกันเป็นพวง ๆ ช่อ ๆ มองดูคล้ายพวงองุ่นจิ๋ว และบางทีดูไปดูมาก็เหมือนช่อพริกไทยสด จึงมีหลายคนเข้าใจว่าสาหร่ายช่อพริกไทย และสาหร่ายพวงองุ่นคืออย่างเดียวกัน อันที่จริงก็จัดอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่สาหร่ายช่อพริกไทยจะมีขนาดเล็กกว่าสาหร่ายพวงองุ่นเล็กน้อย

 ประโยชน์ของสาหร่ายพวงองุ่น

          สาหร่ายพวงองุ่นจัดเป็นหนึ่งในสาหร่ายที่รับประทานได้ มีคุณค่าทางอาหารสูงและเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น ประโยชน์คล้ายคลึงกับสาหร่ายทั่ว ๆ ไป ในสาหร่ายชนิดนี้มีแร่ธาตุที่สำคัญ คือ แมกนีเซียม แคลเซียม โพแตสเซียม สังกะสี ไอโอดีน เบต้าแคโรทีน และก็ยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิดที่ไม่พบในพืชบนบก มีแคลอรีต่ำ และกากใยสูงป้องกันท้องผูกและริดสีดวงทวาร ถึงแม้จะมีรสเค็มแต่ปริมาณเกลือต่ำ ปริมาณไขมันต่ำ ให้พลังงานน้อยแต่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันสูง และโรคหัวใจอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คุกกี้เสี่ยงทายปีใหม่ Cookies Happy New Year

คุกกี้เสี่ยงทายปีใหม่ Cookies Happy New Year

Picture

คุกกี้เสี่ยงทาย Fortune Cookie - คุกกี้เสี่ยงทายปีใหม่ Cookies Happy New Year คุกกี้เสี่ยงทายเป็นคุกกี้ที่มีรูปทรงเหมือนกีบเท้าของหมูและมีลักษณะบางกรอบ มีคำทำนายสอดอยู่ด้านใน นิยมแจกที่ร้านอาหารจีนในต่างประเทศ นุ่นเลยดัดแปลงจากคำทำนายเป็นคำอวยพรต่างๆให้เข้ากับเทศกาลปีใหม่ ใครชอบของขวัญแนวใหม่น่าจะชอบคุกกี้ตัวนี้แน่นอน
วัตถุดิบ (สำหรับ 30 ชิ้น - เวลา 40 นาที)
1. ไข่ขาว 3 ฟอง
2. น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือ 1/8 ช้อนชา
4. เนยจืดละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำเปล่า 2 ช้อนชา
6. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
7. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ

1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
2. ผสมไข่ขาว น้ำตาลทราย เกลือ น้ำเปล่า กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากัน
3. ใส่เนยละลายลงไปตีให้เข้ากันและตามด้วยแป้งสาลีอเนกประสงค์คนให้เข้ากันอย่าให้แป้งเป็นเม็ด
4. ใช้ช้อนตวง 1 ช้อนชา ตักส่วนผสมเทลงบนกระดาษไข เกลี่ยให้แผ่ออกเป็นวงกลม ทำ 2-3 ชิ้นต่อ 1ครั้ง
5. นำเข้าอบ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 5-6 นาทีหรือจนขอบขนมมีสีน้ำตาล
6. นำออกมาจากเตาอบแล้วรีบจับทรงขนมให้เป็นรูปกีบเท้าหมู แล้ววางจัดทรงจนคุกกี้เย็น

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เมนูอาหารสไตล์ฟิวชั่นแสนอร่อย ที่ร้าน ‘Just Me’

เมนูอาหารสไตล์ฟิวชั่นแสนอร่อย ที่ร้าน ‘Just Me’

Picture

 ไปทำความรู้จักกับร้านอาหารสไตล์ฟิลชั่น ไทย-ยุโรป ที่เปิดมานานกว่า 15 ปีแล้ว กับร้าน “Just Me”
ร้าน Just Me เป็นร้านอาหารสไตล์ผสมผสาน ระหว่าง ไทยและยุโรป โดยจะเน้นไปที่คุณภาพของวัสดุดิบหลักที่นำมาประกอบอาหาร รวมถึงการเลือกใช้ผักออแกนิคปลอดสารพิษเกรดพรีเมี่ยม เมนูอาหารของที่นี่ ก็มีให้บริการ ทั้งของอาหารคาว อาหารหวาน อาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ อีกมากมาย

คุกกี้กระจกสี Stained Glass Cookie

Picture

คุกกี้กระจกสี Stained Glass Cookie (Christmas Desserts) คุกกี้หน้าตาสวยเก๋ ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีสันสวยๆ ของกระจกสีในโบสถ์ของชาวคริสต์ ที่มาพร้อมกับรสชาติหวานมันอร่อยถูกปากถูกใจ และยังสามารถนำไปเป็นเครื่องตกแต่งบนต้นคริสต์มาสในเทศกาลแห่งสีสันนี้ได้ด้วยค่ะ หรือจะเจาะรูร้อยริบบิ้นสวยๆ เป็นสร้อยคอเส้นยาวก็น่ารักด้วยจี้ที่เป็นคุกกี้กระจกสีสันสวยๆให้เด็กๆในเทศกาลงานฉลองแบบไม่ซ้ำใครด้วยค่ะ เรียกได้ว่าสวยด้วยทานได้อร่อยด้วยและมีประโยชน์ใช้สอยเก๋ๆอีก มาลองทำกันดูเลย
วัตถุดิบ
สำหรับประมาณ 20 ชิ้น
เวลาที่ใช้ในการทำ 1 ชั่วโมง (เวลาที่ใช้ในการแช่ โดคุกกี้ 3 ชั่วโมง )
1. Cream Cheese 50 กรัม
2. เนยจืด 125 กรัม
3. น้ำตาลทราย 65 กรัม
4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
5. กลิ่นวานิลลา 1 / 2 ช้อนชา
6. แป้งอเนกประสงค์ 230 กรัม
7. ผงฟู 1 / 4 ช้อนชา
8. เกลือป่น เล็กน้อย
9. ลูกอม ชนิดใส 20 – 25 เม็ด
วิธีทำ

1. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู เกลือป่น
2. ใส่น้ำตาลทราย ลงในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้แล้ว คลุกให้เข้ากันพักไว้หรือจะรอใส่น้ำตาลทรายในขั้นตอนการตีครีมชีสเนยจืดก็ได้เช่นกันค่ะ
3. นำ Cream Cheese ใส่ลงในชามผสมอีกใบหนึ่ง ตีให้มีลักษณะเป็นครีม
4. ใส่เนยจืดลงไปตีผสมต่อจนเข้ากับครีมชีสเป็นเนื้อเดียวกัน และมีลักษณะเป็นครีมฟูเล็กน้อย
5. ใส่ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
6. นำส่วนผสมแป้งที่ร่อนพักไว้ ใส่ลงไปแบ่งใส่ 3 – 4 ครั้ง และตีส่วนผสมทั้งหมดให้โดคุกกี้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
7. ลองนวดโดคุกกี้ที่ได้ด้วยมืออีกครั้งประมาณ 1 นาที เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
8. แบ่งโดคุกกี้ที่ได้เป็น 2 ส่วน แล้วใช้ฟิล์มถนอมอาหารคุมโดคุกกี้ไว้ หรือใส่โดคุกกี้ลงถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้สนิท แช่ในตู้เย็นใช้ช่องเย็นปกติ ประมาณ 3 ชั่วโมง
9. นำลูกอม ที่เตรียมไว้มาบด พักไว้
10. เมื่อแช่เย็นครบ 3 ชั่วโมง นำโดคุกกี้ออกมาจากตู้เย็นทีละก้อน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ให้โดอ่อนตัวลงเล็กน้อย แกะฟิล์มถนอมอาหารที่คุมโดคุกกี้ไว้ออก จากนั้นรีดโดคุกกี้เป็นแผ่นโดคุกกี้ความหนาประมาณ 0.3 - 0.5 เซนติเมตร ( 3-5 มิลลิเมตร)
11. ใช้พิมพ์ลวดลายต่างๆ กดลงบนโด จากนั้นย้ายชิ้นคุกกี้ที่ตัดได้วางลงบนถาดที่รองกระดาษรองอบเรียบร้อยแล้ว
12. ใช้พิมพ์ที่มีขนาดเล็กกว่า กดเจาะลายตรงกลางให้เกิดช่องว่างในขั้นตอนนี้ ถ้าโดคุกกี้เริ่มแฉะให้นำกลับเข้าตู้เย็นประมาณ 10 นาที ให้โดคุกกี้เซ็ตตัวแล้วจึงนำกลับมาเจาะลายตรงกลางอีกครั้ง
13. ใช้หลอดขนาดเล็ก เจาะรูสำหรับแขวน (ขั้นตอนนี้จะทำหรือไม่ทำก็ได้ค่ะ)
14. นำลูกอมสีต่างๆที่บดรอไว้ มาใส่ลงในช่องว่างตรงกลางคุกกี้ให้เต็มพอดี
15. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส อบโดยใช้ไฟบน-ล่าง เวลาประมาณ 8 – 10 นาที แล้วแต่ความหนาของชิ้นคุกกี้นะคะ (ถ้ารีดคุกกี้ได้ชิ้นหนาเกินไป ลูกอมจะละลายจนงวดและจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลได้ก่อนที่เนื้อคุกกี้จะสุกค่ะ)
16. เมื่อคุกกี้สุกนำออกจากเตาอบและพักให้เย็นบนถาด คุกกี้จะเซ็ตตัวลูกอมที่ละลายอยู่ในช่องตรงกลางจะค่อยๆเย็นตัวและแข็งตัวค่ะ (ขั้นตอนนี้ห้ามเคลื่อนย้ายคุกกี้ออกจากถาดจนกว่าจะเย็นนะคะ)
17. คุกกี้ที่เย็นตัวประมาณ 70% ลูกอมที่ละลายอยู่ในช่องตรงกลางจะแข็งตัวเหมือนกระจกสีใสๆแล้ว เราจะย้ายมาพักให้เย็นสนิทบนตะแกรงค่ะ
18. จัดเสิร์ฟได้หลังจากคุกกี้เย็นสนิท หรือร้อยริบบิ้นสวยๆผ่านรูที่เจาะไว้สำหรับนำไปแขวนตกแต่งบนต้นคริสต์มาส หรือร้อยเป็นสร้อยเส้นยาวให้เด็กๆแจกเพื่อนๆเป็นของขวัญต้อนรับคริสต์มาสแบบเก๋ๆ หรือใส่ขวดโหลหรือกล่องสวยๆ แจกเป็นของขวัญคริสต์มาสก็ได้เลยคะ

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เมนูเปิบพิสดาร จระเข้หัน!!

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

“ซูซิหน้าแมลง” ที่สาวกที่ชอบของแปลกไม่ควรพลาด

Picture

เชื่อว่าหลายๆคนคงจะลองทานซูซิกันมาบ้างแล้ว ด้วยรสชาติที่อร่อยแบบชาวญี่ปุ่น รวมไปถึงการให้เลือกหน้ารับประทานของซูซิที่มีให้เลือกอย่างมากมาย แต่ครั้งนี้มาแบบใหม่พิเศษ เพราะมีนักปั้นซูชิมือฉมังนามว่า "โชอิชิ อูชิยาม่า" ได้สร้างสรรค์คิดค้นซูซิสุดแปลก ที่ได้นำแมลงต่างๆมาวางลงบนหน้าซูซิ ไม่ว่าจะเป็นแมงมุม แมลงสาบ จิ้งหรีดจั๊กจั่น แมงดา ไข่มดแดง ดักแด้เป็นต้น แต่ไม่รู้ว่างานนี้จะมีใครกล้ากินอาหารสุดแปลกแบบนี้บ้าง เอาเป็นว่าเราไปชมภาพกันเลยครับ

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เมนูอาหารเหลาสูตรภัตตาคาร ที่ร้าน ‘เกาเลี้ยง’

เมนูอาหารเหลาสูตรภัตตาคาร ที่ร้าน ‘เกาเลี้ยง’


Picture
 ร้านเกาเลี้ยง หรือชื่อเดิม ร้านข้าวฟ่าง เป็นร้านอาหารที่ให้บริการเมนูมากมายหลากหลายอย่าง โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เมนูอาหารจีน รวมถึงมีบริการรับจัดโต๊ะจีน ที่รองรับสูงสุดถึง 150 โต๊ะเลยทีเดียว ด้วยประสบการณ์การเป็นเชฟให้กับโรงแรมชั้นนำกว่า 12 แห่ง ของเชฟเกา ทำให้ลูกค้าต่างติดอกติดใจ ในรสชาติและฝีมือในการปรุงอาหาร ต่างแวะเวียนกันมาอุดหนุนกันเป็นประจำ ทั้งลูกค้าขาจร ขาประจำ และลูกค้าที่ไว้ใจให้ทางร้านดูแลการจัดโต๊ะจีน
พิกัดของร้านตั้งอยู่ ถนนกลางเมือง ใกล้ตลาดเคหะขอนแก่น ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่มครึ่ง โปรโมชั่น ทานครบ 900 บาท ฟรี ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ 1 จาน ถึง 31 มีนาคม 2559
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.043-225-598

ข้าวแกงปักษ์ใต้แบบบุฟเฟ่ต์ พร้อมอาหารทะเลสดส่งตรงถึงที่ ที่ร้าน ‘เต๋าเต้ย’


Picture

ร้านเต๋าเต้ย เป็นร้านอาหารน้องใหม่ที่พึ่งเปิดได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่คุณภาพและรสชาติของอาหารต้องขอบอกเลยว่าครบเครื่องจริง ๆ ด้วยราคาที่ถูกแสนถูกเพียง 59 บาท/ท่าน จะอิ่มมาก อิ่มน้อย ก็เลือกทานกันได้อย่างสบายใจ ทางร้านการันตีคุณภาพอาหารทะเล ที่ส่งตรงแบบไม่แช่สารฟอมาลีน สด สะอาด ปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งนอกสถานที่ฟรี ในเขตตัวเมืองขอนแก่นอีกด้วย
ร้านเต๋าเต้ย ตั้งอยู่ที่ถ.กสิกรทุ่งสร้าง ใกล้สามแยกถนนหลังศูนย์ราชการ
ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 7.30 ถึง 15.00 และในช่วงเย็น ตั้งแต่ 16.00 ถึง 22.00
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 
โทร.043-007-588

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เต้าหู้เหม็นเป็นอาหารขึ้นชื่อของจีน

Picture

เต้าหู้เหม็นเป็นอาหารขึ้นชื่อของจีน ไต้หวัน ฮ่องกง นิยมกินเป็นอาหารจานเคียงหรือกินเล่น มีขายทั่วไป มีกลิ่นเหม็นสมชื่อ บางคนให้นิยามว่าเหม็นเหมือนขยะเน่า เนื้อเน่า บางคนก็ว่าเหม็นใกล้เคียงกับกลิ่น BLUE CHEESE ของฝรั่ง กลิ่นของเต้าหู้เหม็นลอยไปได้ไกล ได้กลิ่นกันเป็นสี่แยกเป็นป้ายรถเมล์ทีเดียว
ถึงแม้กลิ่นจะเหม็น แต่กลายเป็นของขึ้นชื่อเพราะรสชาดสวนทางกับความเหม็น บางคนชอบมาก บางคนไม่ชอบเลย คล้ายกับคนรักทุเรียน รักจัด เกลียดจัดเช่นเดียวกัน
สาเหตุความเหม็นของเต้าหู้มาจากที่เต้าหู้เกิดการหมักเต้าหู้จนเกิดเชื้อราสีเขียวขึ้นที่ก้อนเต้าหู้ เต้าหู้ที่มีเชื้อราขึ้นแล้วนี้สามารถนำไปกินได้หลายวิธี เช่น กินสด เอาไปนึ่ง ตุ๋น แต่ที่นิยมสุดๆ คือเอาทอดให้กรอบและราดด้วยซอสพริก (คล้ายๆ กับน้ำจิ้มไก่แต่ไม่หวาน) แนมด้วยผักดองเช่น แตงกวา หรือกะหล่ำปลี
ตำนานเต้าหู้เหม็นมีหลากหลาย แต่ที่นิยมสุดๆ เป็นเรื่องของหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาสอบจอหงวนที่ปักกิ่งแต่สอบไม่ผ่าน เลยต้องขายเต้าหู้เลี้ยงชีพ วันหนึ่งเต้าหู้ขายไม่ดีเหลือเยอะแยะ ไม่รู้จะทำอะไรเลยเอาเต้าหู้ใส่เกลือใส่เครื่องปรุง ใส่ไหปิดฝา เวลาผ่านไปเปิดออกดูพบว่าเหม็นสุดๆ  แต่ลองชิมแล้วพบว่าอร่อยดีจึงทำออกขาย
นอกจากนี้เต้าหู้เหม็นยังมีประวัติย้อนไปไกลถึงสมัยซูสีไทเฮา ว่าวันหนึ่งพระองค์เบื่ออาหาร มหาดเล็กเสาะหานำอาหารแปลกขึ้นตั้งโต๊ะ ไปเจอเต้าหู้เหม็นจึงนำขึ้นถวาย พระองค์ลองชิมแล้วถูกพระทัย เต้าหู้เหม็นเลยได้เป็นอาหารชาววังนับแต่นั้นมา

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อิ่มอร่อยกับอาหารไทย-อีสาน หลากเมนู ที่ร้าน ‘ระเบียงน้ำ’

Picture

​ร้าน ระเบียงน้ำ เป็นร้านอาหารไทย-อีสาน น้องใหม่ที่พึ่งเปิดได้เพียงไม่น่าน จุดเด่นของร้านอยู่ที่บรรยากาศของร้านที่ร่มรื่น มีระเบียงที่ยื่นออกไปในบริเวณน้ำ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย จนเป็นที่มาของชื่อร้านมาดูเมนูอาหารของร้านกันบ้าง อาหารของร้านจะเน้นไปที่เมนูปลาซะเป็นส่วนใหญ่ อาทิ ปลาช่อนลุยสวน ปลากระพงนึ่งมะนาว ปลาจาระเม็ดทอดน้ำปลา ฯลฯ   สำหรับลูกค้าที่ต้องการจัดเลี้ยงแบบเป็นส่วนตัว ที่ร้านก็มีบริการห้องจัดเลี้ยงพ้รอมคาราโอเกะ 2 ห้องด้วยกัน นอกจากนี้ในอนาคตจะมีการเปิดบ่อให้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกปลา ได้มาทำกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย
พิกัดของร้านระเบียงน้ำ ตั้งอยู่ที่ ถ.เลี่ยงเมือง ฝั่งต.พระลับ เลยวัดป่าแสงอรุณ
ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 5 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม
โทร.098-195-4039 , 094-527-6525

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อาหารสไตล์อเมริกัน เม็กซิกัน และดื่มด่ำกับเมนูเครื่องดื่มคุณภาพ ที่ร้าน ‘Didines’


อาหารสไตล์อเมริกัน เม็กซิกัน และดื่มด่ำกับเมนูเครื่องดื่มคุณภาพ ที่ร้าน ‘Didines’

Picture

ร้านอาหารสไตล์ อเมริกันผสมกับเม็กซิกัน หนึ่งเดียวในจังหวัดขอนแก่นกัน กับร้าน “Didines”
ร้าน Didines เป็นร้านอาหารที่มีเชฟหลักด้วยกัน ถึง 3 คน โดยเป็นเชฟไทย 2 คน และเชฟชาวออสเตรเลี่ยน 1 คน ซึ่งเคยมีประสบการเรียนทำอาหารที่ประเทศออสเตรเลียมาแล้ว โดยจุดเด่นของร้านนี้คือการนำเสนอเมนูอาหารสไตล์อเมริกันผสมเม็กซิกัน รวมถึงเครื่องดื่มชั้นนำจากทั่วโลก
เมนูอาหารของร้านนอกจากจะมีจุดเด่นที่เมนูอเมริกัน เม็กซิกันแล้ว ยังมีเมนูอาหารยุโรป อาหารฝรั่งเศส และเมนูอาหารไทยไว้ให้บริการอีกด้วย ตามลุงยิ้มไปชมพร้อม ๆ กันเลยว่าวันนี้จะนำเมนูอะไรมาให้ชมกันบ้าง
พิกัดของร้าน Didines ตั้งอยู่ที่ ถ.ประชาสำราญ ปากทางเข้าโรงแรม Pullman
ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่มครึ่งสำหรับเมนูอาหาร
โทร.089-711-1187

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สุดยอดเมนูสำหรับคนรักมาม่าที่ร้าน ‘มาม่าหน้าหม้อ’

สุดยอดเมนูสำหรับคนรักมาม่าที่ร้าน ‘มาม่าหน้าหม้อ’
Picture

ร้านอาหารเด็ด ที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังของจังหวัดขอนแก่นในตอนนี้เลยทีเดียว กับร้าน “มาม่าหน้าหม้อ” หากใครที่ได้เคยมีโอกาสแวะเวียนผ่านไปทางถนนกัลปพฤกษ์ คงจะคุ้นเคยกับร้านอาหารชื่อดังอย่าง “สรวลหรรษา” กันเป็นอย่างดี และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงของร้าน ที่มีการเพิ่มเมนูเพื่อเจาะกลุ่มนักศึกษาอย่าง “มาม่า” นี้ขึ้นมา และหากพูดถึงเมนูมาม่า อาหารยอดนิยมของเหล่านักศึกษาและเหล่ามนุษย์เงินเดือนเบี้ยน้อย หอยน้อย ในยามสิ้นเดือน คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ที่ร้านนี้ได้นำเมนูง่าย ๆ นี้เองมาเนรมิตรเป็นเมนูมาม่าสุดแสนจะอลังการ 

Picture

ร้านมาม่าหน้าหม้อ ตั้งอยู่ที่ถนนกัลปพฤกษ์ ติดกับร้านสรวลหรรษา
ร้านเปิดทุกวัน เอาใจคนนอนดึกตั้งแต่ 6 โมงเย็น ยาวไปจนถึง ตี 3 

สอบถามข้อมูล โทร.043-347-244

หนูปิ้งบาร์บีคิว



Picture

มื้อนี้สิพาทุกๆคนมาพบกับเมนูเปิบพิสดารที่บ่ธรรมดาเลย เพราะมันคือเมนู หนูปิ้งบาร์บีคิว คิว คิว ที่มันต่างจากหนูปิ้งธรรมดาทั่วไป คือมันมีรสชาติของบาร์บีคิว ในสไตล์อิตาเลี่ยน อีกด้วย แซ่บอย่าบอกใครเลย หนูปิ้งบาร์บีคิว เป็นเมนูยอดฮิตของชาวกัมพูชาและชาวเวียดนาม ซึ่งราคาตอนนี้ ขายต่อกิโลกรัมแพงกว่าไก่ปิ้งอีก หนูปิ้งบาร์บีคิว มีจุดเริ่มต้นจาก นายเหยิม ฉาน ชาวกัมพูชา ได้จับหนูนามาเพื่อขาย พอจับได้หลายก็นำใส่รถมอเตอร์ไซค์ไปปิ้งขายที่ชายแดน แล้วกะมีลูกค้ามาซื้อมากมาย  หนูปิ้งบาร์บีคิว ทำมาจากหนูนาธรรมชาติ แต่หลายคนกลับมองกว่าหนูเป็นสัตว์ที่สกปรก จริงๆแล้วหนูนาปลอดภัยกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆหลายชนิด เพราะหนูนาจะกินแต่ข้าวโพด ข้าว ตามท้องทุ่งนา เพราะฉะนั้น มั่นใจได้เลยว่า หนูปิ้งบาร์บีคิว เป็นเมนูเปิบพิสดาร แซ่บ กลมกล่อมไปกับรสชาติบาร์บีคิว ถ้าไผได้ลิ้มลอง รับรองติดใจแน่นอน เด้อค่ะเด้อ

ขอบคุณที่มาจาก : http://zappnuar.com/delicious-food/zappver-noo-ping-bbq/

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ร้านไก่ทอดสูตรเด็ด จากร้าน “Beta House”

Picture

ร้านไก่ทอดสูตรเด็ด จากร้าน “Beta House” เมื่อก่อนพี่แมนเจ้าของร้านเล่าว่า ตั้งใจจะให้ร้าน Beta House เป็นคลับสำหรับวัยรุ่นไว้พบปะ สังสรรค์กัน คล้าย ๆ กับคลับในสไตล์อเมริกัน ซึ่งแต่ก่อนก็จะเน้นไปที่เมนูเครื่องดื่มเป็นหลัก แต่เมื่อลูกค้าเรียกร้องให้มีอาหารทานเล่น จึงเกิดความคิดที่อยากจะนำเมนูทานเล่นง่าย ๆ อย่างไก่ทอด มาทำให้แตกต่างจากไก่ทอดทั่วไป พี่แมนเลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการทำไก่ทอด รวมถึงรสชาติและน้ำซอสสูตรต่างๆ ด้วยตัวเอง กลายเป็นว่าปัจจุบัน ออเดอร์ไก่ทอดทำร้านเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว โดยตอนนี้มีไก่ทอดสูตรเด็ดให้เลือกกันถึง 3 รสชาติ ได้แก่ ไก่ออริจินอล ไก่Hot & Spicy และไก่ทอดซอสเบต้าเฮาส์ ส่วนราคาจำหน่ายก็แบ่งตาม Set มี 3 แบบ ด้วยกัน เริ่มต้นที่ Size ฉายเดี่ยว 59 บาท ไก่ 5 ชิ้น เพิ่ม  9 บาท รับโค้กขวดเล็ก Size ฉายคู่ 119 บาท ไก่ 11 ชิ้น เพิ่ม 19 บาท รับโค้กขนาด1.25 ลิตร ฉายหมู่ 239 บาท ไก่ 23 ชิ้น เพิ่ม 19 บาท รับโค้ก 1.25 ลิตร  ที่สำคัญ ที่ร้านจะไม่ใช้ผงชูรสหรือผงสำเร็จรูปอีกด้วยนะ นอกจากนี้ที่ร้านยังฝากบอกมานิดนึงว่า ทุก ๆ เมนูจะทำกันแบบสด ๆ ใหม่ ๆ ในแต่ละออเดอร์ เพราะฉะนั้นลูกค้าอาจจะต้องรออาหารซักนิดนึงนะคะ  หากใครที่อยากลองความอร่อยของไก่ทอดสูตรเด็ดที่ร้านนี้ก็สามารถแวะไปลองกันได้ ร้านตั้งอยู่ ฝั่งกังสดาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซอยอดุลยาราม 2 ร้าน
เปิดทุกวันตั้งแต่ 17.00-00.00 น. 
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 087-771-7467
หรือ Facebook Fanpage : Beta House ม.ข กังสดาล

ขอบคุณที่มาจาก http://zappnuar.com/

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

​"ด้วงสาคู" คั่วเกลือ

Picture

"ด้วงงวงมะพร้าว" (Pin-hole borers) ในแถบภาคใต้มักจะพบอาศัยแพร่กระจายเผ่าพันธุ์ อยู่ตาม "ต้นสาคู" ผู้คนถิ่นนี้จึงต่างเรียกขานมันว่า "ด้วงสาคู" อดีตที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านมักนำมาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ปีกเพื่อลดต้นทุน กระทั่งนักเปิบเริ่มหันมาให้ความสนใจ เนื่องจาก พบว่าในตัวมันเองมีคุณค่าทางอาหารโดยเฉพาะ "โปรตีน" ค่อนข้างสูง 

Picture

สูตรการปรุงด้วงสาคูให้อร่อย
1. นำด้วงมาล้างน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
2. ตั้งกระทะใส่น้ำสะอาดพอประมาณ
3. รอให้น้ำเดือดแล้วนำด้วงที่เตรียมไว้ใส่ลงกระทะประมาณ 1 นาทีเพื่อลวกทำความสะอาดอีกครั้ง
4. เทน้ำที่ลวกทำความสะอาดทิ้ง
5. เติมน้ำสะอาดในกระทะพอประมาณ
6. ใส่ด้วงที่เตรียมไว้ลงไป
7. เติมเกลือและผงปรุงรสลงไปนิดหน่อยตามความชอบของเราเอง
8. ผัด/คั่วจนกว่าน้ำในกระทะแห้งสนิท
9. เติมน้ำมันทอดปลาและน้ำปลาเล็กน้อยเพื่อจะทำให้ด้วงดูน่าทานและมีรสหอม

เมนูอาหารจีนเหลา สูตรฮ่องกง ที่ร้าน ‘พงษ์เป็ดย่างฮ่องเต้’

Picture

วันนี้เรามาอยู่กันที่  ร้าน“พงษ์เป็ดย่างฮ่องเต้” ร้านอาหารจีนเหลาสูตรเด็ดของเมืองขอนแก่นเลยก็ว่าได้    พี่พงษ์เจ้าของร้านเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมาเปิดเป็นร้านของตัวเองเคยเป็นผู้ช่วยเชฟมา 15 ปี จึงถึงจุดอิ่มตัวเลยแยกออกมาทำเองเป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งก่อนที่จะมาเป็นร้านปัจจุบันนี้ร้านเดิมตั้งอยู่ที่บ้านสามเหลี่ยมมา 8 ปี จึงเกิดความคิดอยากขยายร้านเพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น จึงมาลงตัวที่ร้านปัจจุบันได้ 12 ปีแล้ว รวมๆแล้วอายุอานามของร้านก็ปาไปกว่า 20 ปีแล้วจ้า
ที่ร้านมีเมนูให้เลือกทานได้หลากหลายเมนู  แต่ที่เด่นๆเลยคือ เมนู “บะหมี่หยกเป็ดย่าง” เมนูนี้เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านนี้เลย เพราะที่นี่ดังในเรื่องของเป็ดย่าง และใช้เป็ดคุณภาพดี เกรด A จาก CP พอได้ย่างในอุณหภูมิที่พอเหมาะออกมารสชาติดีงามมาก หนังเป็ดกรอบๆ เนื้อเป็ดแสนนุ่ม บวกกับน้ำราดเป็ด รสเข้มข้น ได้กลิ่นกระดูกเป็ดเคี่ยวน้ำซุป หอมเครื่องปรุงรสเป็ด เข้มกำลังดี ราดมาบนเป็ดย่างทานคู่บะหมี่หยก อื้อหือ อร่อยมากกกกจนเจ๊น้ำตาไหลเลย

Picture

สำหรับเหล่านักกินผู้กล้าที่อยากมาพิสูจน์ความอร่อยกันที่ร้าน “พงษ์เป็ดย่างฮ่องเต้” ร้านตั้งอยู่ที่ ถ.ประชาสโมสร อยู่ฝั่งเดียวกับวิทยาลัยบัญฑิตเอเชีย (ทางเข้าโรงแรมกรีนโฮเทล) ร้านเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น และหยุดทุกวันที่ 1 ของเดือน โทร.085-749-0550  ที่นี่ยังรับจัดเลี้ยง และรับจัดอาหารนอกสถานที่ด้วยนะ

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

รู้ไหม "หนอนไม้ไผ่" หรือ "รถด่วน" ก็มีดี

Picture

หนอนไม้ไผ่ หรือ หนอนเยื่อไผ่ หรือรถด่วน เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่ง เป็นแมลงที่กินได้ (edible insect) มีชื่อชื่อทางวิทยาศาสตร์ (Omphisa fuscidenttalis Hampson) จัดอยู่ในวงศ์ Pryralidae มีชื่อสามัญอีกหลายชื่อ เช่น หนอนกินเยื่อไผ่ หนอนผีเสื้อเจาะไผ่ชาวบ้านทางภาคเหนือเรียก แน้ แมะ หรือแด้ หรือด้วงไม้ไผ่ หรือรถด่วน อีก้อ เรียกฮาโบลัว กะเหรี่ยง เรียกคลีเคล้ะ พม่า เรียกวาโป้ว และจีนฮ่อ เรียกจูซุง มีถิ่นที่อยู่อาศัยพบกระจายอยู่ในป่า จากข้อมูลทางโภชนาการของหนอนรถด่วนทอดประกอบด้วย (ในหน่วยของ % (w/w) ) โปรตีน 22.5, คาร์โบไฮเดรต 11, ไขมัน 55.4, กรดแอมิโน และแร่ธาตุจำพวกเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และโพแทสเซียม โดยในปริมาณ 100 กรัมจะให้พลังงาน 643.7 กิโลแคลอรี (ไพฑูรย์ 2538, 2544)

Picture

การบริโภคหนอนเยื่อไผ่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตจังหวัดภาคเหนือ ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อร่างกายมีโปรตีนสูงและไขมันต่ำ จึงจัดได้ว่าเป็นแมลงเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับประชาชนในภูมิภาคนี้ และมีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้ แต่มีผู้บริโภคอีกจำนวนมากไม่นิยม
การแปรรูปหนอนเยื่อไผ่ให้มีรูปร่างที่แตกต่างไปจากเดิม โดยกรรมวิธีการบดด้วยเครื่องบดแบบค้อนทำให้ได้ผลิตภัณฑ์หนอนเยื่อไผ่ออกมาในรูปลักษณะผง ที่อาจทำให้ผู้บริโภคยอมรับในรูปของผลิตภัณฑ์มากขึ้น นำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองชนิดอื่นได้อย่างหลากหลายและช่วยส่งเสริมให้ผู้เพาะเลี้ยงมีรายได้มากขึ้นและเพิ่มมูลค่าให้แก่หนอนเยื่อไผ่


วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

ไข่เจียวนกกระจอกเทศ!!!

Picture

 ไข่เจียว...เมนูจานฮิตที่เราคุ้นเคยกันดี แต่วันนี้ที่จะพาคุณไปชิมไม่ใช่ไข่เจียวปกติหรอก แต่เป็นของ "นกกระจอกเทศ" ตัวใหญ่แรงเยอะแน่นอนว่าไข่ของมันจะต้อง ใบใหญ่และหนาแน่นเป็นธรรมดา  แถวราคาก็สู้พอสมควร เพราะหาอยากและใบใหญ่ ตอนนี้คนก็นิยมเอาเปลือกของไข่นกกระจอก ไปทำเครื่องประดับ และกระเป๋า"ไข่นกกระจอกเทศเจียว" ไข่หนึ่งฟองจะปริมาณของไข่ที่เยอะมาก จึงสามารถทอดไข่หนานุ่มได้สองจานเต็มๆ เนื้อไข่นิ่มๆ มันๆ รสใกล้เคียงไข่ไก่ จานนี้ขั้นต่ำต้องกินกันสามคน ไม่งั้นเอาไม่อยู่แน่ 

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

อร่อยง่าย ๆ ด้วยมือคุณ กับเมนูซีฟู๊ดกุ้งถังสไตล์อเมริกัน ที่ร้าน ‘กุ้งถัง สาขาขอนแก่น’

Picture

ที่เค้าว่ากันว่า ต้องใช้มือของเราเองนี่แหละในการทานให้ได้อรรถรสที่สุดกับร้าน “กุ้งถัง สาขาขอนแก่น” ร้านอาหารซีฟู๊ดสไตล์อเมริกัน ที่มาเปิดตลาดให้กับชาวขอนแก่นได้ลองกันถึงที่ พูดถึงร้านกุ้งถัง บางคนที่เคยมีโอกาสได้ไปที่ กรุงเทพฯ อาจจะเคยผ่านตาหรือคุ้นหูกันมาบ้าง เพราะร้านกุ้งถัง เรียกได้ว่าเป็นร้านแรกของประเทศไทยที่นำเอาเมนูลักษณะนี้เข้ามา ก่อนจะมีสาขาตอนนี้ถึง 4 สาขาด้วยกัน ได้แก่ สาขาตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา , สาขา JJ Green และเฟรนไชส์สองสาขาได้แก่ สาขาหาดใหญ่ และ สาขาขอนแก่น ที่ตลาดต้นตาล นี่เอง

Picture

เมนูเด่นของร้านนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเมนูกุ้งถัง ที่มีให้เลือกหลายไซส์หลายขนาด โดยเมนูกุ้งถังที่นี่จะมีให้เลือกทั้งกุ้งขาวและกุ้งแม่น้ำ หรือจะจัดเต็มแบบรวมซีฟู๊ดที่มีทั้ง กุ้ง ปูม้า หอยตลับ หอยนางรม ก็มีให้บริการกันแบบจัดเต็มกันเลยทีเดีย  นอกจากสามารถเลือกวัตถุดิบได้แล้ว ลูกค้ายังสามารถเลือกน้ำซอสที่มีให้เลือกด้วยกัน 2 สูตร ได้แก่ สูตร Bang Bang ที่จะมีส่วนผสมของเนย หรือจะเป็นซอส Garlic & Pepper หรือซอสกระเทียมพริกไทยดำ ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบ ที่สำคัญ ลูกค้ายังสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ถึง 5 ระดับ 

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

ความเชื่อที่น่าหดหู่ใจ!!! ที่ว่า "จู๋ช้าง" ช่วยชูกำลัง

Picture

เริ่มจากกรณีล่าสุดข่าวการพบซากช้าง ถูกเจี๋ยนอวัยวะสืบพันธ์ุ เป็นที่งงงวยกันว่าเขาเอาจู๋ช้างไปทำอะไรกัน  มันมีความเชื่อที่ว่าการทานจู๋ช้างนั้นสามารถเพิ่มพลังวังชาทางเพศได้ กับเมนูสุดสะอิดสะเอียนอย่างซาซิมิจู๋ช้าง หรือเมนูที่นำอวัยวะช้างมาดอง ซดง่ายๆ พร้อมดื่มชูกำลังอย่างยาดองหรือยาโด๊ป ไม่ต้องเคี้ยวกลืนทีเดียวลุกฮือ
อย่างไรก็ดี ความจริงแล้วโปรตีนในเนื้อสัตว์นั้น จะช่วยเพิ่มระดับของนอร์อีพิเนฟรีนและโดปามีน ซึ่งเป็นตัวช่วยเรื่องความรู้สึกการถึงจุดสุดยอดเวลามีเพศสัมพันธ์ ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องถึงขนาดกินอัวยวะเพศของสัตว์ก็ได้ เพียงแค่เนื้อสัตว์ธรรมดาอย่างประเภทสเต๊กเนื้อวัวก็ช่วยได้เช่นกัน อีกทั้งเนื้อวัวยังมีธาตุสังกะสีช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นทางเพศอีกด้วย โดยที่มันจะไปลดการสร้างฮอร์โมนโปรแลคตินซึ่งเป็นตัวขัดขวางการตื่นตัวทางเพศ และที่ยิ่งกว่านั้นการกินเนื้อจะช่วยเพิ่มระดับเทสทอสเตอโรนซึ่งเป็นตัวขับ ดันทางเพศด้วย นอกจากเนื้อวัว ตามตำรายาจีนเนื้อแพะ เนื้อกวาง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงทางเพศได้เช่นกัน
ที่สุดแล้วมนุษย์ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไปกินอะไรสุดสะอิดสะเอือนราคามหาศาล อย่างอวัยวะเพศของสัตว์เลย มีอาหารมากมายให้เลือกทานเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและอร่อยกว่าเป็นไหนๆ  แถมยังปลอดภัยทั้งคนและสัตว์

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ความเชื่อ!!! ที่ทำให้ต้องกินตุ๊กแก

Picture

 สำหรับความเชื่อในเรื่องตุ๊กแกช่วยรักษาโรคนั้นมีมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นสูตรโบราณของจีน ไทย เวียดนาม ขณะที่ในทางแพทย์แผนปัจจุบันนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้เคยออกมายืนยันว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าตุ๊กแกสามารถรักษาโรคเอดส์แมะเร็งได้ และยังเชื่อกันว่าเป็นยาชูกำลังถ้ากินแล้วสามารถกำมาเหมือนเด็กได้อีกครั้ง และคนจีนยังกินเพื่อเป็นยาโป้ได้อีกด้วย  ดังนั้นจึงเป็นความเชื่อที่หากใครคิดจะกินยาตุ๊กแกก็ต้องไตร่ตรองดูให้ดี
   นอกจากตุ๊กแกอบแห้งแล้ว ปัจจุบันตุ๊กแกสดก็เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะชาวเวียดนาม ชาวจีน จะนิยมซื้อไปประกอบอาหาร 

Picture

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

ร้าน Everyday Eatery!!! ร้านอาหารอิตาเลี่ยนน้องใหม่

Picture

ร้าน Everyday Eatery เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ภายในเรือนกันยารัตน์บูทีค โฮเทล ริมบึงแก่นนครนี่เอง (กำลังมีแพลนขยายร้านแยกออกจากส่วนของโรงแรม เพื่อรองรับลูกค้าที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี) แม้จะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนน้องใหม่ที่พึ่งเปิดได้เพียงเดือนกว่า ๆ แต่ด้วยฝีมือของเชฟที่เชี่ยวชาญอาหารอิตาเลี่ยนโดยเฉพาะ ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า โดยเฉพาะเมนูพิซซ่าของที่นี่ เรียกได้ว่าขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก ด้วยสูตรพิซซ่าสไตล์แป้งบางกรอบแบบโฮมเมด
เมนูอาหารของที่นี่ไม่ได้มีเฉพาะเมนูพิซซ่าเท่านั้น ยังมีเมนูขายดีอื่น ๆ อย่างสเต๊ก สลัด เบอร์เกอร์ เดี๋ยวตามลุงยิ้มไปชม ไปชิม พร้อม ๆ กันเลยครับว่าจะมีเมนูเด็ดอะไรมาแนะนำกันบ้าง เริ่มกันที่เมนูพิซซ่ากันก่อนเลย ที่ร้านมีเมนูพิซซ่าให้เลือกมากถึง 8 หน้าด้วยกัน ส่วนที่จัดมาให้วันนี้มีทั้งหมด 4 หน้า ราคาเริ่มต้นที่ 99 บาทเท่านั้น

Picture

สำหรับคน ที่กำลังมองหาร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน คุณภาพดี ราคาย่อมเยา แถมรสชาติยังอร่อยถูกปากอีกด้วย ก็ลองไปชิมกันได้ ร้าน Everyday Eatery ตั้งอยู่ถนนศรีธาตุ ริมบึงแก่นนคร ฝั่งตรงข้ามกับไดโนเสาร์พอดี ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 091-120-8186,043-321-999

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

"น้ำพริกลงเรือ" อร่อยแถมมาด้วยประโยชน์

Picture

น้ำพริกลงเรือ เป็นอีกหนึ่งในเมนูน้ำพริกที่หลายๆ ท่านติดใจ เพราะอร่อยและมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยาก น้ำพริกลงเรือนี้ส่วนใหญ่แล้วจะทานพร้อมกับหมูหวานและผักเครื่องเคียง

ส่วนประกอบ
กุ้งแห้งอย่างดีโขลกพอละเอียด  ½ ถ้วย
กระเทียมไทยปอกเปลือก  20 กลีบ
กะปิ  3 ช้อนโต๊ะ
มะดันซอย  10 ลูก (หรือ มะม่วงสับ 1 ถ้วย)
มะอึกหั่นบาง  5 ลูก
น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะเนื้อหมูติดมัน 200 กรัม
หอมแดงซอย  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล ¼ ถ้วยประมาณ  50 กรัม
น้ำเปล่า  100 กรัม
พริกขี้หนูสวน  30 เม็ด
น้ำตาลปีบ  4-5 ช้อนโต๊ะ
หมูหวาน  ½ ถ้วย
ไข่เค็ม  2 ฟอง
ปลาดุกฟูกรอบ  ½ ถ้วย
คนอร์อร่อยชัวร์  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน  1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.โขลกกระเทียม กะปิ ให้ละเอียด ใส่มะดันซอย มะอึก โขลกให้เข้ากัน ใส่พริก ทุบพอแตก ใส่น้ำตาลปีบ น้ำมะนาว พักไว้
2.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่น้ำพริกลงผัด ใส่กุ้งแห้ง และคนอร์อร่อยชัวร์ผัดให้เข้ากัน ใส่หมูหวาน ผัดให้เข้ากัน ชิมรสให้มีสามรส
3.การจัดให้สวยงาม ตักน้ำพริกใส่ถ้วย นำไข่เค็มหั่นเต๋าโรยหน้า แนมด้วยหมูหวาน และปลาดุกฟู รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ใบมะกอก มะเขือต่างๆ ขมิ้นขาว ถั่วพู
4.หมูหวาน
5.หั่นหมูเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าประมาณ 1 เซนติเมตร
6.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่หอมแดงลงไปผัดพอหอม ใส่หมู และคนอร์อร่อยชัวร์ลงไป ผัดให้เข้ากันจนหมูสุก ใส่น้ำตาล คนจนน้ำตาลละลาย
7.ใส่น้ำลงไป ใช้ไฟอ่อนเคี่ยว ระวังอย่าให้หมูแข็งเคี่ยวจนน้ำตาลเหนี่ยวเป็นสีน้ำตาลอ่อน

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

ก้อยปลาซิว!!! อาหารพื้นบ้าน

Picture

ปลาซิว  เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก  หาเลาะกิน "ขี้ตะหลืนน้ำ" พบได้ตามแม่น้ำลำคลองทั่วไปเปรียบเสมือนคนอีสานเฮานี้หละ  "ก้อยปลาซิว"  เป็นอาหารอีสาน พื้นบ้านทั่วไป  คนอีสานเสพรสชาตินี้ มาตั้งแต่ บรรพกาล เพราะคนโบราณเขารู้ว่า ในฤดูน้ำหลาก หรือ ฤดูฝน ปลามันหากินไปทั่วตามสายน้ำ  ทำให้มีพยาธิเรียกว่า " แม่พยาธิ"    การทำก้อยปลาซิว  เป็นการกินปลาดิบจะกินในฤดูแล้ง น้ำแห้งขอดแล้ว
วัตถุดิบ  
1. ปลาซิว
2. มดแดง
3. พริกปุ่น
4. พริกสด
5. ปลาล้า
6. ต้นหอม, ต้นหอมฝรั่ง
7. น้ำมนาว
8. น้ำปลา
9. เกลือ
วิธีทำ
1. นำปลาซิวมาเด็ดหัวออก ทุบหรือตำให้แบน ๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเกลือให้ตัวปลาซิวชา
2. น้ำมะนาวหรือมดแดงคลุกกับปลาซิวให้เข้ากันดีคั้นบีบเอาน้ำออกจนปลาซิวขาว
3. ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว หอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า และน้ำมะนาว

ย่างอึ่ง!!! ตัวกลมๆให้อร่อย

Picture

อึ่งอ่าง เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจะมีให้รับประทานเฉพาะหน้าฝนเท่านั้น  อึ่งอ่างจะออกมาเยอะตอนช่วงฝนตกเราจะได้เสียงอึ่งอ่างร้องเป็นเหมือนเสียงดนตรีขับขานกลางท้องนา  เป็นเหมือนเสียงเรียกให้ชาวบ้านออกล่าหาตัวอึ่งอ่าง  ในช่องที่ฝนตกอึ่งอ่างจะมีไข่เต็มท้องเพื่อรอให้ฝนหยุดตกและมีน้ำขังเพื่ออึ่งอ่างจะได้วางไข่  และตอนนั้นเองก็เป็นเวลาที่อึ่งอ่างอร่อยที่สุด   เพราะอึ่งอ่างจะมีไขมันเยอะและมีไข่เต็มท้องชาวบ้านจึงนิยมรับประทานอึ่งอ่างช่วงที่มันมีไข่ในท้อง และอึ่งอ่างสามารสนำมาทำเป็นอาหารได้หลายวิธี เช่น ต้มใส่ใบมะขามอ่อน ทำเป็นน้ำพริก หรือ ย่างอึ่ง 
การย่างอึ่งก็ทำง่ายๆไม่ยุ่งยากเลย นำอึ่งที่ได้ล้างทำความสะอาด เอาอึ่งทั้งตัวลงคลุกเกลือให้ทั่วและนำไปย่างด้วยไฟอ่อนเพื่อให้อึ่งสุขดี อย่างจนตัวอึ่งมีสีเหลืองหอมก็พร้อมรับประทานแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

กินสยอง "สมองลิง" มีประโยชน์

 กินสยอง "สมองลิง" มีประโยชน์
Picture

การกินสมองลิง ได้ถูกสืบทอดมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ  วารสาร “เปิ่นฉาวกังมู่” ในรัชสมัยหมิง บันทึกไว้ว่า : “ใน “อี้อู้จื้อ” มีบันทึกไว้ว่า  ลิงแสมนับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่  ในบันทึก ”หลินไห่จื้อ” กล่าวว่า  คนกวางตุ้งชื่นชอบการกินสมองลิง”  บันทึกอี้อู้จื้อ ที่พูดถึง คือ บทประพันธ์ของ หยางฝู ในรัชสมัย ฮั่น  จะเห็นได้ว่า การกินสมองลิงนั้น มีมาแต่ช้านาน  แต่เหตุผลที่ว่า ทำไมถึงกินกัน  เคยมีพูดกันว่า เป็นเพราะขันทีสมัยก่อน เชื่องมงายว่า กินสมองทารกดิบๆ  สามารถช่วยให้อวัยวะทางเพศเขางอกคืนกลับมาได้  แต่สมองเด็กไม่ใช่ได้มาง่ายๆ  จึงได้ใช้สมองลิงชดเชย
ในปัจจุบันนี้  ความเชื่อเรื่องการบำรุงของคนจีนที่สืบทอดกันมา  คิดว่า “ใช้ร่างบำรุงร่าง” “ใช้สมองบำรุงสมอง”  บวกกับนิยายเรื่อง ซุนหงอคง  ตัวเอกในเรื่องมีกำลังวัาและอภินิหารมากมาย ติดตรึงอยู่ในใจคนดู  ทำให้มีคนเชื่อว่ากินสมองลิงมีผลประโยชน์มากมาย
วิธีการทำและการกินก็ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์โกนขนส่วนบนของลิงออกจนเกลี้ยงเกลาจากนั้นก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกขอ งลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อนและแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่าง รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง 

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

บราวนี่แสนอร่อยในถ้วยกาแฟ

Picture

บราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug เป็นเมนูที่ง่ายแสนง่ายเพียงแค่ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในถ้วยกาแฟ แล้วนำเข้าไมโครเวฟเพียงแค่นี้ก็จะได้ทานบราวนี่เนื้อฉ่ำๆ แล้ว แบบไม่ต้องง้อเตาอบ ทำทานเองที่บ้านหรือทำเอาไว้รับแขก ให้ดูเหมือนเราเก่งเรื่องทำอาหาร บราวนี่ถ้วยกาแฟทำเอาไว้ปาตี้เล็กที่บ้านกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว แถวยังทำง่ายแสนง่ายไม่ยุ่งอยากเลย  

สูตรบราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug
สำหรับ 1 ที่
เวลา 3-5 นาที
วัตถุดิบบราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug
1.แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ
2.ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
3.ผงฟู 1/2 ช้อนชา
4.น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
5.ผงอบเชย 1/4 ช้อนชา
6.เกลือ 1/4 ช้อนชา
7.นม 1/4 ถ้วยตวง
8.น้ำมันสลัด(น้ำมันพืชก็ได้) 2 ช้อนโต๊ะ
9.กลิ่นวานิลลา 1-2 หยด


วิธีทำบราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug
1. นำแป้งเค้ก น้ำตาล เกลือ ผงโกโก้ ผงฟู ผงอบเชย ร่อนใส่ในถ้วยกาแฟที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ตามด้วยนม น้ำมันสลัด กลิ่นวานิลลา ตีผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2. นำใส่ไมโครเวฟประมาน 50 วินาที - 1 นาที แล้วนำออกมาเช็คถ้ายังไม่สุกต่ออีก 20-30 วินาที เสร็จเรียบร้อย อาจจะเสิร์ฟทานคู่กับไอศกรีมก็ได้

"ปิ้งปลาหลด" อาหารพื้นๆของชาวนา