รู้ไหม "หนอนไม้ไผ่" หรือ "รถด่วน" ก็มีดี

รู้ไหม "หนอนไม้ไผ่" หรือ "รถด่วน" ก็มีดี

หนอนไม้ไผ่ หรือ หนอนเยื่อไผ่ หรือรถด่วน เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่ง เป็นแมลงที่กินได้ (edible insect) มีชื่อชื่อทางวิทยาศาสตร์ (Omphisa fuscidenttalis Hampson) จัดอยู่ในวงศ์ Pryralidae มีชื่อสามัญอีกหลายชื่อ เช่น หนอนกินเยื่อไผ่ หนอนผีเสื้อเจาะไผ่ชาวบ้านทางภาคเหนือเรียก แน้ แมะ หรือแด้ หรือด้วงไม้ไผ่ หรือรถด่วน อีก้อ เรียกฮาโบลัว กะเหรี่ยง เรียกคลีเคล้ะ พม่า เรียกวาโป้ว และจีนฮ่อ เรียกจูซุง มีถิ่นที่อยู่อาศัยพบกระจายอยู่ในป่า จากข้อมูลทางโภชนาการของหนอนรถด่วนทอดประกอบด้วย (ในหน่วยของ % (w/w) ) โปรตีน 22.5, คาร์โบไฮเดรต 11, ไขมัน 55.4, กรดแอมิโน และแร่ธาตุจำพวกเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม และโพแทสเซียม โดยในปริมาณ 100 กรัมจะให้พลังงาน 643.7 กิโลแคลอรี (ไพฑูรย์ 2538, 2544)

การบริโภคหนอนเยื่อไผ่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตจังหวัดภาคเหนือ ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อร่างกายมีโปรตีนสูงและไขมันต่ำ จึงจัดได้ว่าเป็นแมลงเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับประชาชนในภูมิภาคนี้ และมีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพเสริมรายได้ แต่มีผู้บริโภคอีกจำนวนมากไม่นิยม
การแปรรูปหนอนเยื่อไผ่ให้มีรูปร่างที่แตกต่างไปจากเดิม โดยกรรมวิธีการบดด้วยเครื่องบดแบบค้อนทำให้ได้ผลิตภัณฑ์หนอนเยื่อไผ่ออกมาในรูปลักษณะผง ที่อาจทำให้ผู้บริโภคยอมรับในรูปของผลิตภัณฑ์มากขึ้น นำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองชนิดอื่นได้อย่างหลากหลายและช่วยส่งเสริมให้ผู้เพาะเลี้ยงมีรายได้มากขึ้นและเพิ่มมูลค่าให้แก่หนอนเยื่อไผ่

ไข่เจียวนกกระจอกเทศ!!!

ไข่เจียวนกกระจอกเทศ!!!

 ไข่เจียว...เมนูจานฮิตที่เราคุ้นเคยกันดี แต่วันนี้ที่จะพาคุณไปชิมไม่ใช่ไข่เจียวปกติหรอก แต่เป็นของ "นกกระจอกเทศ" ตัวใหญ่แรงเยอะแน่นอนว่าไข่ของมันจะต้อง ใบใหญ่และหนาแน่นเป็นธรรมดา  แถวราคาก็สู้พอสมควร เพราะหาอยากและใบใหญ่ ตอนนี้คนก็นิยมเอาเปลือกของไข่นกกระจอก ไปทำเครื่องประดับ และกระเป๋า"ไข่นกกระจอกเทศเจียว" ไข่หนึ่งฟองจะปริมาณของไข่ที่เยอะมาก จึงสามารถทอดไข่หนานุ่มได้สองจานเต็มๆ เนื้อไข่นิ่มๆ มันๆ รสใกล้เคียงไข่ไก่ จานนี้ขั้นต่ำต้องกินกันสามคน ไม่งั้นเอาไม่อยู่แน่ 

อร่อยง่าย ๆ ด้วยมือคุณ กับเมนูซีฟู๊ดกุ้งถังสไตล์อเมริกัน ที่ร้าน ‘กุ้งถัง สาขาขอนแก่น’

อร่อยง่าย ๆ ด้วยมือคุณ กับเมนูซีฟู๊ดกุ้งถังสไตล์อเมริกัน ที่ร้าน ‘กุ้งถัง สาขาขอนแก่น’

ที่เค้าว่ากันว่า ต้องใช้มือของเราเองนี่แหละในการทานให้ได้อรรถรสที่สุดกับร้าน “กุ้งถัง สาขาขอนแก่น” ร้านอาหารซีฟู๊ดสไตล์อเมริกัน ที่มาเปิดตลาดให้กับชาวขอนแก่นได้ลองกันถึงที่ พูดถึงร้านกุ้งถัง บางคนที่เคยมีโอกาสได้ไปที่ กรุงเทพฯ อาจจะเคยผ่านตาหรือคุ้นหูกันมาบ้าง เพราะร้านกุ้งถัง เรียกได้ว่าเป็นร้านแรกของประเทศไทยที่นำเอาเมนูลักษณะนี้เข้ามา ก่อนจะมีสาขาตอนนี้ถึง 4 สาขาด้วยกัน ได้แก่ สาขาตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา , สาขา JJ Green และเฟรนไชส์สองสาขาได้แก่ สาขาหาดใหญ่ และ สาขาขอนแก่น ที่ตลาดต้นตาล นี่เอง

เมนูเด่นของร้านนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเมนูกุ้งถัง ที่มีให้เลือกหลายไซส์หลายขนาด โดยเมนูกุ้งถังที่นี่จะมีให้เลือกทั้งกุ้งขาวและกุ้งแม่น้ำ หรือจะจัดเต็มแบบรวมซีฟู๊ดที่มีทั้ง กุ้ง ปูม้า หอยตลับ หอยนางรม ก็มีให้บริการกันแบบจัดเต็มกันเลยทีเดีย  นอกจากสามารถเลือกวัตถุดิบได้แล้ว ลูกค้ายังสามารถเลือกน้ำซอสที่มีให้เลือกด้วยกัน 2 สูตร ได้แก่ สูตร Bang Bang ที่จะมีส่วนผสมของเนย หรือจะเป็นซอส Garlic & Pepper หรือซอสกระเทียมพริกไทยดำ ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบ ที่สำคัญ ลูกค้ายังสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ถึง 5 ระดับ 

ความเชื่อที่น่าหดหู่ใจ!!! ที่ว่า "จู๋ช้าง" ช่วยชูกำลัง

ความเชื่อที่น่าหดหู่ใจ!!! ที่ว่า "จู๋ช้าง"  ช่วยชูกำลัง

เริ่มจากกรณีล่าสุดข่าวการพบซากช้าง ถูกเจี๋ยนอวัยวะสืบพันธ์ุ เป็นที่งงงวยกันว่าเขาเอาจู๋ช้างไปทำอะไรกัน  มันมีความเชื่อที่ว่าการทานจู๋ช้างนั้นสามารถเพิ่มพลังวังชาทางเพศได้ กับเมนูสุดสะอิดสะเอียนอย่างซาซิมิจู๋ช้าง หรือเมนูที่นำอวัยวะช้างมาดอง ซดง่ายๆ พร้อมดื่มชูกำลังอย่างยาดองหรือยาโด๊ป ไม่ต้องเคี้ยวกลืนทีเดียวลุกฮือ
อย่างไรก็ดี ความจริงแล้วโปรตีนในเนื้อสัตว์นั้น จะช่วยเพิ่มระดับของนอร์อีพิเนฟรีนและโดปามีน ซึ่งเป็นตัวช่วยเรื่องความรู้สึกการถึงจุดสุดยอดเวลามีเพศสัมพันธ์ ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องถึงขนาดกินอัวยวะเพศของสัตว์ก็ได้ เพียงแค่เนื้อสัตว์ธรรมดาอย่างประเภทสเต๊กเนื้อวัวก็ช่วยได้เช่นกัน อีกทั้งเนื้อวัวยังมีธาตุสังกะสีช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นทางเพศอีกด้วย โดยที่มันจะไปลดการสร้างฮอร์โมนโปรแลคตินซึ่งเป็นตัวขัดขวางการตื่นตัวทางเพศ และที่ยิ่งกว่านั้นการกินเนื้อจะช่วยเพิ่มระดับเทสทอสเตอโรนซึ่งเป็นตัวขับ ดันทางเพศด้วย นอกจากเนื้อวัว ตามตำรายาจีนเนื้อแพะ เนื้อกวาง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงทางเพศได้เช่นกัน
ที่สุดแล้วมนุษย์ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องไปกินอะไรสุดสะอิดสะเอือนราคามหาศาล อย่างอวัยวะเพศของสัตว์เลย มีอาหารมากมายให้เลือกทานเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและอร่อยกว่าเป็นไหนๆ  แถมยังปลอดภัยทั้งคนและสัตว์

ความเชื่อ!!! ที่ทำให้ต้องกินตุ๊กแก

ความเชื่อ!!! ที่ทำให้ต้องกินตุ๊กแก

 สำหรับความเชื่อในเรื่องตุ๊กแกช่วยรักษาโรคนั้นมีมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นสูตรโบราณของจีน ไทย เวียดนาม ขณะที่ในทางแพทย์แผนปัจจุบันนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้เคยออกมายืนยันว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าตุ๊กแกสามารถรักษาโรคเอดส์แมะเร็งได้ และยังเชื่อกันว่าเป็นยาชูกำลังถ้ากินแล้วสามารถกำมาเหมือนเด็กได้อีกครั้ง และคนจีนยังกินเพื่อเป็นยาโป้ได้อีกด้วย  ดังนั้นจึงเป็นความเชื่อที่หากใครคิดจะกินยาตุ๊กแกก็ต้องไตร่ตรองดูให้ดี
   นอกจากตุ๊กแกอบแห้งแล้ว ปัจจุบันตุ๊กแกสดก็เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะชาวเวียดนาม ชาวจีน จะนิยมซื้อไปประกอบอาหาร 

ร้าน Everyday Eatery!!! ร้านอาหารอิตาเลี่ยนน้องใหม่

ร้าน Everyday Eatery!!!  ร้านอาหารอิตาเลี่ยนน้องใหม่

ร้าน Everyday Eatery เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ภายในเรือนกันยารัตน์บูทีค โฮเทล ริมบึงแก่นนครนี่เอง (กำลังมีแพลนขยายร้านแยกออกจากส่วนของโรงแรม เพื่อรองรับลูกค้าที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี) แม้จะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนน้องใหม่ที่พึ่งเปิดได้เพียงเดือนกว่า ๆ แต่ด้วยฝีมือของเชฟที่เชี่ยวชาญอาหารอิตาเลี่ยนโดยเฉพาะ ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า โดยเฉพาะเมนูพิซซ่าของที่นี่ เรียกได้ว่าขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก ด้วยสูตรพิซซ่าสไตล์แป้งบางกรอบแบบโฮมเมด
เมนูอาหารของที่นี่ไม่ได้มีเฉพาะเมนูพิซซ่าเท่านั้น ยังมีเมนูขายดีอื่น ๆ อย่างสเต๊ก สลัด เบอร์เกอร์ เดี๋ยวตามลุงยิ้มไปชม ไปชิม พร้อม ๆ กันเลยครับว่าจะมีเมนูเด็ดอะไรมาแนะนำกันบ้าง เริ่มกันที่เมนูพิซซ่ากันก่อนเลย ที่ร้านมีเมนูพิซซ่าให้เลือกมากถึง 8 หน้าด้วยกัน ส่วนที่จัดมาให้วันนี้มีทั้งหมด 4 หน้า ราคาเริ่มต้นที่ 99 บาทเท่านั้น

สำหรับคน ที่กำลังมองหาร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน คุณภาพดี ราคาย่อมเยา แถมรสชาติยังอร่อยถูกปากอีกด้วย ก็ลองไปชิมกันได้ ร้าน Everyday Eatery ตั้งอยู่ถนนศรีธาตุ ริมบึงแก่นนคร ฝั่งตรงข้ามกับไดโนเสาร์พอดี ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 091-120-8186,043-321-999

"น้ำพริกลงเรือ" อร่อยแถมมาด้วยประโยชน์

"น้ำพริกลงเรือ" อร่อยแถมมาด้วยประโยชน์

น้ำพริกลงเรือ เป็นอีกหนึ่งในเมนูน้ำพริกที่หลายๆ ท่านติดใจ เพราะอร่อยและมีขั้นตอนการทำที่ไม่ยาก น้ำพริกลงเรือนี้ส่วนใหญ่แล้วจะทานพร้อมกับหมูหวานและผักเครื่องเคียง

ส่วนประกอบ
กุ้งแห้งอย่างดีโขลกพอละเอียด  ½ ถ้วย
กระเทียมไทยปอกเปลือก  20 กลีบ
กะปิ  3 ช้อนโต๊ะ
มะดันซอย  10 ลูก (หรือ มะม่วงสับ 1 ถ้วย)
มะอึกหั่นบาง  5 ลูก
น้ำมะนาว  2 ช้อนโต๊ะเนื้อหมูติดมัน 200 กรัม
หอมแดงซอย  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล ¼ ถ้วยประมาณ  50 กรัม
น้ำเปล่า  100 กรัม
พริกขี้หนูสวน  30 เม็ด
น้ำตาลปีบ  4-5 ช้อนโต๊ะ
หมูหวาน  ½ ถ้วย
ไข่เค็ม  2 ฟอง
ปลาดุกฟูกรอบ  ½ ถ้วย
คนอร์อร่อยชัวร์  1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน  1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.โขลกกระเทียม กะปิ ให้ละเอียด ใส่มะดันซอย มะอึก โขลกให้เข้ากัน ใส่พริก ทุบพอแตก ใส่น้ำตาลปีบ น้ำมะนาว พักไว้
2.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่น้ำพริกลงผัด ใส่กุ้งแห้ง และคนอร์อร่อยชัวร์ผัดให้เข้ากัน ใส่หมูหวาน ผัดให้เข้ากัน ชิมรสให้มีสามรส
3.การจัดให้สวยงาม ตักน้ำพริกใส่ถ้วย นำไข่เค็มหั่นเต๋าโรยหน้า แนมด้วยหมูหวาน และปลาดุกฟู รับประทานกับผักสด เช่น แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ใบมะกอก มะเขือต่างๆ ขมิ้นขาว ถั่วพู
4.หมูหวาน
5.หั่นหมูเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าประมาณ 1 เซนติเมตร
6.ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน ใส่หอมแดงลงไปผัดพอหอม ใส่หมู และคนอร์อร่อยชัวร์ลงไป ผัดให้เข้ากันจนหมูสุก ใส่น้ำตาล คนจนน้ำตาลละลาย
7.ใส่น้ำลงไป ใช้ไฟอ่อนเคี่ยว ระวังอย่าให้หมูแข็งเคี่ยวจนน้ำตาลเหนี่ยวเป็นสีน้ำตาลอ่อน

ก้อยปลาซิว!!! อาหารพื้นบ้าน

ก้อยปลาซิว!!!  อาหารพื้นบ้าน

ปลาซิว  เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็ก  หาเลาะกิน "ขี้ตะหลืนน้ำ" พบได้ตามแม่น้ำลำคลองทั่วไปเปรียบเสมือนคนอีสานเฮานี้หละ  "ก้อยปลาซิว"  เป็นอาหารอีสาน พื้นบ้านทั่วไป  คนอีสานเสพรสชาตินี้ มาตั้งแต่ บรรพกาล เพราะคนโบราณเขารู้ว่า ในฤดูน้ำหลาก หรือ ฤดูฝน ปลามันหากินไปทั่วตามสายน้ำ  ทำให้มีพยาธิเรียกว่า " แม่พยาธิ"    การทำก้อยปลาซิว  เป็นการกินปลาดิบจะกินในฤดูแล้ง น้ำแห้งขอดแล้ว
วัตถุดิบ  
1. ปลาซิว
2. มดแดง
3. พริกปุ่น
4. พริกสด
5. ปลาล้า
6. ต้นหอม, ต้นหอมฝรั่ง
7. น้ำมนาว
8. น้ำปลา
9. เกลือ
วิธีทำ
1. นำปลาซิวมาเด็ดหัวออก ทุบหรือตำให้แบน ๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเกลือให้ตัวปลาซิวชา
2. น้ำมะนาวหรือมดแดงคลุกกับปลาซิวให้เข้ากันดีคั้นบีบเอาน้ำออกจนปลาซิวขาว
3. ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว หอมซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า และน้ำมะนาว

ย่างอึ่ง!!! ตัวกลมๆให้อร่อย

ย่างอึ่ง!!!  ตัวกลมๆให้อร่อย

อึ่งอ่าง เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจะมีให้รับประทานเฉพาะหน้าฝนเท่านั้น  อึ่งอ่างจะออกมาเยอะตอนช่วงฝนตกเราจะได้เสียงอึ่งอ่างร้องเป็นเหมือนเสียงดนตรีขับขานกลางท้องนา  เป็นเหมือนเสียงเรียกให้ชาวบ้านออกล่าหาตัวอึ่งอ่าง  ในช่องที่ฝนตกอึ่งอ่างจะมีไข่เต็มท้องเพื่อรอให้ฝนหยุดตกและมีน้ำขังเพื่ออึ่งอ่างจะได้วางไข่  และตอนนั้นเองก็เป็นเวลาที่อึ่งอ่างอร่อยที่สุด   เพราะอึ่งอ่างจะมีไขมันเยอะและมีไข่เต็มท้องชาวบ้านจึงนิยมรับประทานอึ่งอ่างช่วงที่มันมีไข่ในท้อง และอึ่งอ่างสามารสนำมาทำเป็นอาหารได้หลายวิธี เช่น ต้มใส่ใบมะขามอ่อน ทำเป็นน้ำพริก หรือ ย่างอึ่ง 
การย่างอึ่งก็ทำง่ายๆไม่ยุ่งยากเลย นำอึ่งที่ได้ล้างทำความสะอาด เอาอึ่งทั้งตัวลงคลุกเกลือให้ทั่วและนำไปย่างด้วยไฟอ่อนเพื่อให้อึ่งสุขดี อย่างจนตัวอึ่งมีสีเหลืองหอมก็พร้อมรับประทานแล้ว

กินสยอง "สมองลิง" มีประโยชน์

 กินสยอง "สมองลิง" มีประโยชน์

การกินสมองลิง ได้ถูกสืบทอดมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ  วารสาร “เปิ่นฉาวกังมู่” ในรัชสมัยหมิง บันทึกไว้ว่า : “ใน “อี้อู้จื้อ” มีบันทึกไว้ว่า  ลิงแสมนับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่  ในบันทึก ”หลินไห่จื้อ” กล่าวว่า  คนกวางตุ้งชื่นชอบการกินสมองลิง”  บันทึกอี้อู้จื้อ ที่พูดถึง คือ บทประพันธ์ของ หยางฝู ในรัชสมัย ฮั่น  จะเห็นได้ว่า การกินสมองลิงนั้น มีมาแต่ช้านาน  แต่เหตุผลที่ว่า ทำไมถึงกินกัน  เคยมีพูดกันว่า เป็นเพราะขันทีสมัยก่อน เชื่องมงายว่า กินสมองทารกดิบๆ  สามารถช่วยให้อวัยวะทางเพศเขางอกคืนกลับมาได้  แต่สมองเด็กไม่ใช่ได้มาง่ายๆ  จึงได้ใช้สมองลิงชดเชย
ในปัจจุบันนี้  ความเชื่อเรื่องการบำรุงของคนจีนที่สืบทอดกันมา  คิดว่า “ใช้ร่างบำรุงร่าง” “ใช้สมองบำรุงสมอง”  บวกกับนิยายเรื่อง ซุนหงอคง  ตัวเอกในเรื่องมีกำลังวัาและอภินิหารมากมาย ติดตรึงอยู่ในใจคนดู  ทำให้มีคนเชื่อว่ากินสมองลิงมีผลประโยชน์มากมาย
วิธีการทำและการกินก็ง่าย ก็เอาลิงพันธุ์อะไรก็ได้แล้วแต่มีให้ มาหนีบกับโต๊ะโดยมีส่วนหัวด้านบนโผล่ออกมา จากนั้นพ่อครัวก็ใช้วิชาบาร์เบอร์โกนขนส่วนบนของลิงออกจนเกลี้ยงเกลาจากนั้นก็ใช้สิ่วและค้อนเฉาะกะโหลกขอ งลิงออกคล้ายกับกะเทาะมะพร้าวอ่อนและแล้วลูกค้าก็จะรีบตักกินสมองลิงอย่าง รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปสมองลิงจะยุบและลดปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งเขาก็เสิร์ฟสมองลิงแบบแช่แข็งไว้ด้วย เพื่อลดภาระสมองลิงหดตัวอย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง 

บราวนี่แสนอร่อยในถ้วยกาแฟ

บราวนี่แสนอร่อยในถ้วยกาแฟ

บราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug เป็นเมนูที่ง่ายแสนง่ายเพียงแค่ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในถ้วยกาแฟ แล้วนำเข้าไมโครเวฟเพียงแค่นี้ก็จะได้ทานบราวนี่เนื้อฉ่ำๆ แล้ว แบบไม่ต้องง้อเตาอบ ทำทานเองที่บ้านหรือทำเอาไว้รับแขก ให้ดูเหมือนเราเก่งเรื่องทำอาหาร บราวนี่ถ้วยกาแฟทำเอาไว้ปาตี้เล็กที่บ้านกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว แถวยังทำง่ายแสนง่ายไม่ยุ่งอยากเลย  

สูตรบราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug
สำหรับ 1 ที่
เวลา 3-5 นาที
วัตถุดิบบราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug
1.แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ
2.ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
3.ผงฟู 1/2 ช้อนชา
4.น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
5.ผงอบเชย 1/4 ช้อนชา
6.เกลือ 1/4 ช้อนชา
7.นม 1/4 ถ้วยตวง
8.น้ำมันสลัด(น้ำมันพืชก็ได้) 2 ช้อนโต๊ะ
9.กลิ่นวานิลลา 1-2 หยด

วิธีทำบราวนี่ถ้วยกาแฟ Brownie in a Mug
1. นำแป้งเค้ก น้ำตาล เกลือ ผงโกโก้ ผงฟู ผงอบเชย ร่อนใส่ในถ้วยกาแฟที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ตามด้วยนม น้ำมันสลัด กลิ่นวานิลลา ตีผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2. นำใส่ไมโครเวฟประมาน 50 วินาที - 1 นาที แล้วนำออกมาเช็คถ้ายังไม่สุกต่ออีก 20-30 วินาที เสร็จเรียบร้อย อาจจะเสิร์ฟทานคู่กับไอศกรีมก็ได้

"ปิ้งปลาหลด" อาหารพื้นๆของชาวนา

"ปิ้งปลาหลด" อาหารพื้นๆของชาวนา

ปิ้งปลาหลดเป็นอาหารได้ตามท้องไร่ท้องนาที่ชาวนาคนอิสานนิยมทานกัน เพราะเนื้อปลามีความหวานและแน่ เอามาทำได้หลายเมนู เช่น ย่าง ทอด ทำเป็นปลาแดดเดียว และทำแกง  ก็อร่อย ปลาชนิดนี้จะชอบอยู่ในโคลนคล้ายปลาไหล แต่ตัวจะสั่นกว่าปากแหลม ลำตัวกลม พบมากในช่วงน้ำน้อย แต่เมนูที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้ก็คือปิ้งปลาหลด ย่างบนเตาถ่านไฟอ่อนๆ หอนน่ากินเป็นที่สุด   ส่วนผสม ปลาหลด   เกลือ  (เอาไว้ทาตัวปลา) วิธีทำ  นำปลาหลดไปคลุกกับเกลือให้ทั่วแล้วนำขึ้นอย่างไฟจนเหลืองแล้วนำพร้อมเสิร์ฟ 0 Comments Leave a Reply.

“ก๋วยเตี๋ยวพริก” กับน้ำจิ้งซีฟู้ดรสเด็ด

“ก๋วยเตี๋ยวพริกสด” ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดเน้นวัตถุดิบคุณภาพสดใหม่ทุกวัน ด้วยรสชาติไฮไลท์อย่างน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดเข้มข้นถึงใจใส่มาแบบขลุกขลิก เสริมด้วยลูกชิ้นปลาที่เจ้าของร้านเค้าบอกเรามาว่าทำเอง จากเนื้อปลาแท้ 100% อร่อยกำลังดี แถมที่ร้านยังมีเมนูให้ได้เลือกทานได้หลากหลายเมนู และทุกๆ เมนูก็ได้รับความเอาใจใส่จากเจ้าของร้านที่ตั้งใจทำจนอร่อยถูกปาก เมนูที่ทางร้านมี เช่นก๋วยเตี๋ยวพริกสด , ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม , เกี๊ยวกุ้งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด , เกี๊ยวกุ้งต้มยำน้ำข้น , ลูกชิ้นปลาทอด , ข้าวหมูแดง เมนูทั้งหมดที่กล่าวมาอร่อยทั้งนั้น


พิกัด : ถนนสุคนธสวัสดิ์ ปากซอย 25
ร้านเปิด : ทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์เปิด 8.00-18.00น. เสาร์-อาทิตย์เปิด 8.00-16.00น.
โทร : 085-844-4440 , 02-907-7665

อาหารหน้าฝนรสแซบ "อ่อมฮวก" อร่อยนะบอกเลย

อาหารหน้าฝนรสแซบ "อ่อมฮวก" อร่อยนะบอกเลย

ฮวก หรือ ลูกอ๊อด คือลูกกบลูกเขียดตอนยังน้อย คนอีสานนิยมกินเพราะมีรสชาติอร่อย คนอีสานนิยมนำมารับประทาน ทำเป็นอาหารได้หลายประเภท เช่น แกง อ่อม หรือว่าหมก ถือเป็นอาหารพื้นบ้าน ตั้งแต่ดั่งเดิมของคนอีสาน อาหารที่นำมาเสนอเป็นสูตรเด็จ สูตรแท้ๆขอนคนอิสานที่ทำกินกันในครัวเรือน อ่อมฮวกเป็นเมนูที่หาท่านอยากและราคาแพง รสชาติอร่อยเป็นที่ถูกปากจึงเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป เราจึงเอาสูตรมาแบ่งปั่นกัน 
เครื่องปรุง
พริก (ตามชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อย)
หัวหอม 6 หัว
ตะไคร้  3  ต้น
น้ำปลาร้า 2 ซ้อนโต๊ะ
เกลือ 1 หยิบมือ
น้ำปลา 1 ซ้อนชา
ผงชูรส (ตามชอบ)
ใบชพู (ตามชอบ)
ใบแมงลัก (ยิ่งใส่เยอะยิ่งหอม).
วิธีการทำ
1 ล้างฮวกด้วย้ำสะอาดพักใส่ตะแกงไว้
2. ตำเครื่องแกง ประกอบด้วย พริกสด หัวหอม ตะไคร้ ให้เข้ากันไม่ต้องละเอียดมาก
3. นำเครื่องปรุงเครื่องแกง ตามข้อ 2 ละลายน้ำเล็กน้อย ตั้งไฟให้เดือด จึงใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป เมื่อผักสุกปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า
3 นำฮวกลงปิดฝาแล้วกะให้ฮวกสุกใส่ใบแมงลักยกลง

"ก้อยบักหอย" เมนูแซบๆ ของคนอิสานบ้านเฮา

"ก้อยบักหอย" เมนูแซบๆ ของคนอิสานบ้านเฮา

ก้อยบักหอยเป็นเมนูบ้านๆ ของชาวอิสานลบ้านเฮาแล้วหน้าฝนแบบนี้หอยก็เยอะหาทานง่ายทำท้องไร่ท้องนาหรือในลำคลองห้วยหนอง  ก้อยบักห้อยนั้นเป็นเมนูที่ชาวนาสมัยก่อนคิดขึ้นมาเพื่อกำจัดหอยในนาข้าวจึงกลายมาเป็นเมนูที่เริสรส รสชาติจัดจ้านสมเป็นอาหารของคนภาคอิสานกันเลยที่เดียว แล้วหน้าตาของก้อยหอยจะเป็นยังไง เครื่องปรุงที่ใช้ก็หาง่ายเชื่อว่ามีติครัวกันทุกบ้าน  งั้นเรามาลงมือทำกันดีกว่าค่ะ อาหารรสแซบๆของชาวอีสานบ้านเฮาอีกอย่างหนึ่งคือก้อยบักหอย

เครื่องปรุง
หอยโข่งที่แกะเอาเนื้อมันออกมาแล้ว (หอยต้อมต้มให้สุขก่อน)
หอม (ตามชอบ)
พริกสดและพริกป่น (ตามชอบ)
มะนาว  2  ชิ้น
ตะไคร้  3  ต้น
ใบมะกรูด  4  ใบ
ข้าวคั่ว  1  ซ้อนโต๊ะ
น้ำปลา  2  ซ้อนชา
ผงชูรส 1 ซ้อนชา 

วิธีการทำก็ง่ายๆคะ 
นำหอยไปต้มและแกะเนื้อออกมาโดยใช้ช้อนทางด้ามปลายของซ้อนแกะหอยออกมา  จากนั้นนำไปหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วนำไปใส่ชาม  ใส่น้ำปลาผงชูรสหอมตะไคร้ใบมะกรูดมะนาวพริกสดหั่นพริกป่นและใส่ข้าวคั่ว  เพื่อความหอมครับจากนั้นคนให้เข้ากันใส่เกลือด้วยเล็กน้อยชิมแล้วตักใส่จานกิน พร้อมรับประทาน เป็นกับแก้มก็ไม่เลว

สูตรแกงจืดกระดูกหมูแปะก๋วย อร่อยและมีประโยชน์

สูตรแกงจืดกระดูกหมูแปะก๋วย อร่อยและมีประโยชน์ แกงจืดกระดูกหมูแปะก๋วยอาหารพื้นที่อยู่คู่ครัวไทย เป็นอาหารทานง่ายท่านได้ทั่งครอบครัวรสชาติดี  แต่ถ้าเราเปลี่ยนจากแกงจืดธรรม เพิ่มแปะก๋วยก็จะกายเป็นซุปอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ สรรพคุณมากมายของเมล็ดแปะก๊วยและเห็ดหอม กินกับกระดูกหมูเปื่อยนุ่มในน้ำแกงแสนกลมกล่อม อร่อยลงตัวจากเมนูธรรมดาก็กายเป็น เมนูสูตรพิเศษสำหรับทุกคนในครอบครัว ส่วนประกอบ แปะก๊วยต้มสุก 1 ถ้วย กระดูกหมู 300 กรัม บ๊อกฉ่อยหั่นท่อน 2 นิ้ว 200 กรัม เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ 6 ดอก รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลก 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 1 ½ ลิตร คนอร์ซุปหมูก้อน 2 ก้อน กระเทียมเจียว พริกไทยป่นสำหรับโรยหน้าตามชอบ วิธีทำ ตั้งหม้อต้มน้ำบนไฟกลาง พอน้ำเดือดใส่คนอร์ซุปหมูก้อนลงไป คนให้ละลาย ใส่กระดูกหมูที่เตรียมไว้ใส่ลงในหม้อ หมั่นช้อนฟองออกน้ำซุปจะได้ใส ต้มประมาณ 15 นาที โดยใช้ไฟอ่อน ใส่เห็ดหอม แปะก๊วย ต้มสักครู่ เร่งไฟแรง ใส่บ๊อกฉ่อยลงไป ต้มจนสุก ปิดไฟ ตักใส่ชาม โรยพริกไทย กระเทียมเจียว พร้อมเสิร์ฟ หมายเหตุแปะก๊วยต้องใช้แบบที่เอาไส้ในออกแล้วจะได้ไม่ขม หรือถ้าซื้อแบบมีไส้กลางมาให้เอาไม้จิ้มฟันดันออกมาจากทางหัว

ก้อยกุ้ง!!! อาหารรสแซ่บของคนอิสาน

ก้อยกุ้ง!!!  อาหารรสแซ่บของคนอิสาน

“ก้อย” เป็นอาหารชนิดหนึ่งของคนภาคกลางและภาคอีสาน ปรุงจากเนื้อสดดิบที่คั้นด้วยน้ำมะนาว หรือ น้ำมะขามเปียก จนเนื้อเปลี่ยนสีแล้วปรุงรส เนื้อสัตว์ที่นิยมนำมาปรุงเป็นก้อย ได้แก่ เนื้อวัว ไก่ ปลา และ กุ้ง สำหรับก้อยกุ้ง จะนิยมกินแบบที่มันยังมีชีวิตอยู่ถ้าเป็นแบบนั้นรสของกุ้งจะหวานกรอบอร่อยมากกว่า สำหรับสูตรก้อยกุ้งของคนอีสาน มีส่วนผสมและวิธีการทำดังนี้

ส่วนผสมก้อยกุ้งอีสาน
1. กุ้งฝอย
2. มะกอกป่าสุก /มะนาว/มะขามเปียก
3. ต้นหอมซอย
4. ผักชีฝรั่งหั่น
5. พริกป่น /พริกขี้หนู
6. สะระแหน่หั่น
7. น้ำปลา /ปลาร้า
8. ข้าวคั่ว
9. ผักชีหั่นฝอย
10. หอมแดงซอย

วิธีการเตรียมและปรุงก้อยกุ้ง
1. ล้างกุ้งฝอยให้สะอาด เลือกกุ้งที่ไม่ตายใส่ไว้ในถ้วยหรือภาชนะที่มีฝาปิด
2. ใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง บีบมะกอก หรือมะนาว พริกป่น หากเป็นพริกขี้หนูสด จะซอยหรือโขลกหยาบ/บุบพอแหลก หอมแดงซอย ข้าวคั่ว ผักชีฝรั่งหั่น ต้นหอม ซอย ใบสะระแหน่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ปรุงรสตามใจชอบด้วย น้ำปลา น้ำปลาร้า

ลาบเทา!!! เมนูพื้นบ้านของคนอิสาน

ลาบเทา!!! เมนูพื้นบ้านของคนอิสาน

เทา คือ Spirogyra สไปโรไจรา เป็นสาหร่ายที่ชอบขึ้นในน้ำจืดที่สะอาดทั้งน้ำนิ่ง และน้ำไหลเอื่อยๆ มีสีเขียวเป็นเส้นกลมยาวขนาดเล็กพันกันเป็นเกลียวนิ่มลื่นมือพบได้ในแหล่งน้ำภาคเหนือและอิสานเรียกสาหร่ายชนิดนี้ว่า เทา หรือผักไกนิยมนำมาบริโภคในรูปผักจิ้มน้ำพริก ทำลาบ และมีรายงานว่าเป็นสาหร่ายที่นิยมบริโภคในประเทศพะม่า เวียตนามและอินเดียด้วย
ประโยชน์ของ เทา ช่วยในการรักษาบาดแผล มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อป้องกันการเกิดของแบคทีเรียและช่วยสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ด้วย คลอโรฟิลล์ในสาหร่ายมีโครงสร้างเหมือนสารสีแดงในเลือด (hemo-globin) นักวิทยาศาสตร์จึงแนะนำให้ใช้คลอโรฟิลล์รักษาโรคโลหิตจาง

ส่วนประสม
เทา 2 ถ้วยตวง (200 กรัม)
เนื้อหอย 1 ถ้วยตวง (100 กรัม)
ปลาดุก 1 ตัว (ประมาณ 300 กรัม)
ต้นหอม-ผักชี 1/2 ถ้วยตวง (50 กรัม)
ข้าวคั่ว 4 ช้อนโต๊ะ (50 กรัม)
มะเขือขื่น 10 ลูก (30 กรัม)
มะเขือพวง 1/2 ถ้วยตวง (50 กรัม)
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง (50 กรัม)
พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
น้ำปลาร้า 2-3 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
เกลือ 1 ช้อนชา (8 กรัม)

วิธีทำ ลาบเทา
1. ตัดเทาเป็นท่อน นำไปลวกในน้ำร้อน ซึ่งในน้ำลวกนั้นปรุงรสด้วย น้ำปลาร้า น้ำปลา เกลือ แล้วตักขึ้นพักไว้
2. นำหอยและปลาที่ต้มแล้วแกะเอาแต่เนื้อคลุกเคล้ากับเทาที่ลวกแล้วจึงใส่ผักที่เตรียมไว้ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำปลาร้า ชิมรสตามต้องการ

ข้าวไข่ข้นไมโครเวฟ!! เมนูง่ายที่ใครก็ทำได้

ข้าวไข่ข้ไมโครเวฟ!!เมนูง่ายที่ใครก็ทำได้

สำหรับข้าวไข่ข้นในช่วงนี้กำลังได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่นเป็นมื้ออาหารง่ายๆเบาๆ แต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่กัน เพราะด้วยน่าตาของข้างไข่ข้นดูดีอยู่เพราะ ฉนั้น ราคาก็สู้นิดนึ่งเป็นเรื่องปกติ และด้วยรถชาติที่อร่อยเนื้อของไข่ไม่แข็งเหมือนไข่เจียวเนื้อของไข่ข้นจะออกเป็นครีมนุ่มๆ อร่อยและยังมีความมันของไข่แดงที่ยังไม่สุขดีอีกด้วย เพราะฉนั้นเมนูนี้จึงเป็นที่ถูกปาก  เพราะมีเครื่องปรุงที่หลายหลาย ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกุ้ง หมู ไก่ รวมไปถึงไส้กรอก แฮม เห็ดและผักต่างๆ ความพิเศษของเมนูคือไข่ที่สุกกำลังดี ยังมีส่วนที่เยิ้มๆ ทำให้น่ารับประทานมากขึ้น วันนี้เราจะทำให้อร่อยแบบรวดเร็วมากขึ้นนั้นคือเราจะทำในไมโครเวฟเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเองครับ

วัตถุดิบข้าวไข่ข้นไมโครเวฟ 
1.ไข่ไก่ 3 ฟอง
2.กุ้งสดผ่าหลัง 8-10 ตัว
3.เห็ดฟาง (ตามที่ชอบ) 1/4 ถ้วยตวง
4.นมสด 3-4 ช้อนโต๊ะ
5.ซอสปรุงอาหาร 1 ช้อนชา
6.ซอสหอยนารม 1 ช้อนชา
7.น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
8.ผักชี เล็กน้อย
วิธีทำข้าวไข่ข้นไมโครเวฟ 
1.ต้มน้ำในไมโครเวฟไฟแรง ต้มให้เดือดประมาณ 3 นาที นำกุ้งและเห็ดฟางลงไปลวกเล็กน้อย ประมาณ 30 วินาที สะเด็ดน้ำพักไว้
2.ตอกไข่ปรุงรสด้วย ซอสปรุงอาหาร ซอสหอยนางรม ผสมให้เข้ากัน
3.ทาน้ำมันบนจานกระเบื้องก้นแบน เทไข่ใส่จานประมาณ 2/3 ส่วน นำเข้าไมโครเวฟ ไฟกลาง 3 รอบ รอบละ 1 นาที นำออกมาคนทุกครั้ง โดยการตะล่อมขอบของไข่เข้าตรงกลางทุกๆครั้ง ทำให้ไข่สุกทั่วทั้งแผ่น
4.นำไข่ที่เหลือราดบนไข่ที่สุก ใส่เครื่องลงไปบริเวณที่มีไข่เหลว นำเข้าไมโครเวฟอีกครั้งไฟอ่อน (300 วัตต์) 3-4 นาที จัดรับประทานคู่กับข้าวสวย และโรยด้วยผักชีให้น่ารับประทาน

ซาลาเปาลาวา ขนมอร่อยสุดฮิตทำง่ายไม่ยุ่งยาก

ช่วงนี้ดูจะฮิตซะเหลือเกินกับ ซาลาเปาลาวา เชื่อว่า หลายคนต้องเคยได้ลองกินแล้ว กับซาลาเปาลาวาไส้ครีมเยิ้มๆ ลูกกลมๆ ขาวๆ ยิ่งในตอนนี้หาซื้อมากินง่าย ๆ ตามร้านสะดวกซื้อก็มีขาย แต่ถ้าให้มาลองทำกินเอง หลายคนส่ายหัวแน่ ๆ เพราะคงจะทำยากเอาการ แต่ใจเย็น ๆ ค่ะ เพราะถ้าใครอยากจะวัดฝีมือ ลองทำซาลาเปาลาวากินเอง เรามีสูตรซาลาเปาลาวามาฝาก เป็นสูตรดี ๆ  ถ้าใครกล้าจะลองทำซาลาเปาลาวาลูกนี้คงต้องขอยกนิ้วให้เลย

ส่วนผสมสำหรับแป้งเชื้อ
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม
แป้งเค้ก 100 กรัม
ยีสต์ 2 1/4 ช้อนชา
น้ำเปล่า 245 มิลลิลิตร
วิธีทำ (แป้งเชื้อ)
1. ร่อนแป้งสาลีและแป้งเค้กรวมกัน ใส่ลงอ่างผสม ใส่ยีสต์ลงไป คนพอเข้ากัน จากนั้นทำแป้งให้เป็นบ่อตรงกลาง
2. เติมน้ำเปล่าลงในแป้ง นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน ใช้ฝาปิดให้สนิท พักแป้งไว้ปราณ 30-40 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็นสองเท่า
ส่วนผสมสำหรับแป้งโด
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
ผงฟู 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือป่นละเอียด 3/4 ช้อนชา
สารเสริม S.P. 1 1/2 ช้อนชา (*สารเสริมสำหรับทำให้ขนมปังขึ้นฟู)
น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
เนยขาว 55 กรัม
แป้งเชื้อที่หมักไว้ทั้งหมด
กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำ (แป้งโด)
1. ร่อนแป้งสาลี กับผงฟู รวมกันใส่อ่างผสมเตรียมไว้
2. ผสม S.P. กับน้ำเปล่า คนพอเข้ากันพักไว้
3. ใส่แป้งเชื้อลงในเครื่องผสม เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่น ใช้หัวตีรูปตะขอ นวดด้วยความเร็วปานกลางของเครื่อง พอเข้ากันลดความเร็วของเครื่องเหลือต่ำสุด
4. เติมแป้งที่ร่อนไว้ นวดต่อพอจับตัวเป็นก้อน ใส่ส่วนผสมในข้อที่ 2 และเนยขาว นวดต่อด้วยความเร็วปานกลางของเครื่อง จนแป้งมีลักษณะเนียนนุ่มไม่คิดภาชนะ ปิดเครื่อง
5. นำแป้งที่ได้คลึงเป็นก้อนกลม คลุมด้วยแผ่นพลาสติกพักไว้ ประมาณ 10 นาที จากนั้นตัดแป้งก้อนละ 30-35 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมใช้แผ่นพลาสติกคลุม พักไว้อีกประมาณ 5 นาที
6. ใช้ไม้คลึงแป้งรีดก้อนแป้งให้เป็นแผ่นวงกลม ตักไส้ใส่ลงตรงกลางแผ่นแป้งหุ้มแป้งให้มีดไส้ วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา ใช้แผ่นพลาสติกคลุม พักไว้ประมาณ 30 นาที หรือจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
7. เรียงซาลาเปาลงในชั้นลังถึง นำขึ้นนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 6 นาที ยกลง พักไว้บนตะแกรง รับประทานขณะอุ่น ๆ
ส่วนผสมไส้ครีมลาวา
ไข่เค็มต้มสุก (เฉพาะไข่แดง) 5 ฟอง
นมผง 7 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ผงคัสตาร์ดสำเร็จรูป 6 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
นมสด 1/4 ถ้วยตวง
นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
เนยสดชนิดจืดละลาย 120 กรัม
วิธีทำ (ไส้ครีมลาวา)
1. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนส่วนผสมเนียนละเอียด
2. เทส่วนผสมที่ได้ลงอ่างผสม นำเข้าแช่เย็นพอเช็ตตัว ใช้ที่ตักไอศกรีมตักเป็นลูก ๆ หรือปั้นเป็นก้อนกลมวางเรียงใส่ถาด นำเข้าแช่ตู้เย็นจนเช็ตตัวอีกครั้งก่อนนำไปใช้
ถึงแม้วิธีทำจะดูยุ่งยาก แต่ถ้าได้ลองทำแล้วออกมาเป็นซาลาเปาลาวาเยิ้ม ๆ แบบนี้ ฟินสุด ๆ

“น้ำพริกตาแดง” เมนูที่อยู่คู่บ้านของคนไทยมีประโยชน์พอๆกับความอร่อย

“น้ำพริกตาแดง” เมนูที่อยู่คู่บ้านของคนไทยมีประโยชน์พอๆกับความอร่อย

อาหารไทยถือว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางสารอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะน้ำพริกประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นอาหารติดบ้านของคนไทยมาช้านาน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการวิจัยทางคุณค่าทางอาหารในน้ำพริกตาแดง พบว่าเป็นน้ำพริกที่มีส่วนประกอบจากเครื่องเทศและสมุนไพรสดหลายชนิด ซึ่งล้วนมีสารสำคัญที่ช่วยในด้านสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ
จากการวิจัยได้ใช้น้ำพริกตาแดงที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ ศึกษาปริมาณสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพและทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง โดยใช้ 3 วิธีทดสอบทางวิทยาศาสตร์ในห้อง ปฎิบัติการที่มีหลักการแตกต่างกัน พบว่าน้ำพริกตาแดงตำหรับเพื่อสุขภาพมี สารเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) และ ลูทีน (Lutein) อยู่ในปริมาณที่สูง ซึ่งสารเหล่าสามารถต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้นำไปทดสอบฤทธิ์ต้านออกซิเดทีพสเตรส (Oxidative Stress) ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่สามารถต้านสารอนุมูลอิสระได้ และฤทธิ์ต้านการอักเสบ ในขณะที่เอนไซม์ ที่ทำหน้าที่ต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกายมีค่าเพิ่มมากขึ้น

สรุป ได้ว่า น้ำพริกตาแดง ประกอบด้วยสารออกฤธิ์ทางชีวภาพที่สามารถต้านสารอนุมูลอิสระนอกจากนี้ ยังสามารถลดการอักเสบจากการได้รับควันบุหรี่อีกด้วย ดังนั้นหากมีการบริโภคน้ำพริกตาแดงเป็นประจำ อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังต่างๆ ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระได้ อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิต หัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ

ไข่ฮ้างฮัง!!! คืออะไร ไปดูหน้าตาของไข่ฮ้างฮัง

ไข่ฮ้างฮังเป็นอาหารธรรมดาหากินอยากเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบทานไข่ ต้องหามาลองชิมดูชักครั้ง เนื้อสัมผัสและรสชาติที่เป็นเอกลัก เนื้อสัมผัสจะกึบๆนิ่มๆส่วนรสชาติจะออกเค็มนิดๆมันๆและมีรสหวานจากตัวอ่อนของไก่ ส่วนน่าตาจะเป็นเหมือนไข่ไก่ทั่วไปแต่ข้างในจะมีตัวอ่อนของไก่หรืเป็นอยุ่  สำหรับคนที่ชอบทานไข่ไก่ต้องหามาลองชิมดู

ไข่ฮ้างฮัง ความหมายตรงตามศัพท์ คือ ไข่ที่ฟักไม่สำเร็จ จนถึงเวลาที่แม่ไก่ต้องเลี้ยงลูกเจี๊ยบและต้องทิ้งรังไป ตามวิถีชีวิตธรรมชาติของไก่ แม่ไก่จะฟักไข่ประมาณ 21 วัน และจะทิ้งรังเพื่อเลี้ยงลูก ไข่ฮ้างฮังแบ่งออกเป็นสองประเภท

1. ไข่ลูก คือไข่มีเชื้อที่เริ่มเจริญเป็นตัวอ่อน และตายในระยะใดระยะหนึ่ง ไม่สามารถฟักเป็นตัวออกมาจากไข่เป็นลูกเจี๊ยบได้

2. ไข่ข้าว คือไข่ที่ไม่มีเชื้อ ไม่มีการเจริญเป็นตัวอ่อน แต่ได้รับการฟักทำให้สภาพของเนื้อไข่เปลี่ยนแปลงไป (ความร้อนจากแม่ไก่ฟัก) ทำให้ไข่ข้าวแตกต่างจากไข่ไก่สดที่ทั่วไป

อาหารหาทานอยากกับเมนู 

“ผักกระเพาตับปลาทู”

ปลาทูใครๆ ก็รู้จักกันดี แต่ที่เราเห็นในตลาดทั่วไปส่วนมากจะเป็นปลาทูที่ต้มสุขมาแล้วและเราจะไม่กินเครื่องในของมันเพราะมันจะมีกลิ่นและรสชาติข้ม แต่รู้ไหมปลาทูที่เราซื้อมาในเครื่องในจะไม่มีตับ เพราะพ่อค้าที่ต้มปลาทูขายเขาจะแยกตับไปขายต่างหาก งั้นวันนี้เขาจะพามารู้จักกับเมนูที่มีตับปลาทูเป็นส่วนผสม วันนี้จึงเสนอเมนูกระเพราะตับปลาทู เมนูที่ค่อนข้างจะหาทานยากหนึ่งตัวมีตับแค่หนึ่ง และมีรสชาติเฉพาะตัว ตับของปลาทูมีความละเอียดนุ่มเนียน ไม่แข็งกระดางไม่มีกลิ่นคาว ราคาของตับปลาทูจะอยู่ที่ กิโลกรัมละ 250 บาท ล่ะหาอยากพอสมควร

ส่วนผสม
พริก
กระเทียม
ใบกระเพรา
ตับปลาทู
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไป
2.ใส่พริกกับกระเทียมที่โขลกแล้ว ลงไป.
3.ใส่ตับปลาทูลงไปผัด
4.ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล ผงปรุงรส น้ำมันหอย ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย
5.ใส่ใบกระเพราลงไป
6.ตักใส่จาน พร้อมเสริฟ

เมนูอาหารอิสานรับหน้าฝน กับ “หมกฮวก”

ในช่วงต้นฝนจะเป็นช่วงฤดูกาลของการเริ่มทำนา ชาวนาจะพากันลงนาไถฮุด(ไถครั้งแรกเพื่อตากดิน) เมื่อมีฝนตกลงมาจะมีน้ำขังอยู่ตามรอยไถในทุ่งนานั่นเอง บรรดากบเขียดทั้งหลายที่รอดจากการถูกจับไปเป็นอาหาร ก็จะพากันวางไข่ไว้ในแหล่งน้ำต่างๆ หรือบางตัวโชคดีหน่อยก็มีโอกาสขยายเผ่าพันธุ์ก่อนที่จะถูกจับกินคราวนี้หล่ะก็ได้เวลาที่บรรดาเราชาวอีสานทั้งหลายจะได้อร่อยลิ้นกับเมนูเด็ดที่ไม่ได้จะหากินกันง่ายๆนั่นคือ“หมกฮวก” จะได้กินก็เฉพาะช่วงนี้เท่านั้นนะไม่ได้มีนอกฤดูเหมือนผลไม้ เมื่อถึงช่วงที่ ลูกกบ ลูกเขียด ออกจากไข่กลายเป็น“ฮวก”(ลูกอ๊อด) โตได้ขนาดแล้ว บรรดาเราจะเริงร่าเตรียม สวิงกับตะข้อง ที่เป็นอุปกรณ์หากินคู่ชีพฉวยได้ตรงลงไปยังทุ่งนาทันที เพื่อซ้อนเอาลูกฮวกที่มีอยู่ดาดดื่นในทุ่ง ลูกฮวก (ลูกอ๊อด)มีหลายชนิดขึ้นอยู่กับว่ากบหรือเขียดที่ไข่ไว้

ส่วนผสม/เครื่องปรุง
1.ฮวก บีบขี้ออกเรียบร้อยแล้วล้างน้ำให้สะอาด
2.พริกขี้หนู ตามชอบ
3.ใบผักอีตู่ (แมงลัก) เยอะหน่อย (ยิ่งเยอะยิ่งหอม)
4.ตะไคร้
5.เครื่องปรุงรส (เกลือ,น้ำปลาร้า,น้ำปลา และผงชูรส)
6.ใบตอง

วิธีทำ
1. หั่นตะไคร้ไม่ต้องละเอียดมาก แล้วโขลกรวมกับพริงขี้หนู ใส่เกลือลงไปหน่อยจะได้ละเอียดเร็วๆ พอละเอียดแล้วตักขึ้นใส่ชามเพื่อนำมาคลุกเคล้ากับลูกฮวก เติมเกลืออีกหน่อย น้ำปลานิด น้ำปลาร้าด้วย ผงชูรสตาม
2. เมื่อเคล้ากันดีแล้ว เอาใบแมงลักลงไปคลุกพอเข้ากัน ตักใส่กระทงใบตองที่เตรียมไว้ กลัดด้วยไม้ เสร็จแล้วนำไปตั้งบนเตาไปใช้ไฟกลาง ไม่แรงเกินและไม่อ่อนเกิน ใบตองไม่ต้องหวง 2-3 ชั้นได้เลย ถ้าชั้นเดียวหมกจะไหม้ก่อนสุ
3. สังเกตว่าน้ำห่อหมกจะเริ่มไหลออกมา ช่วงนี้ห่อหมกเริ่มส่งกลิ่นหอม สักพักพอน้ำแห้งแล้วกลิ่นจะยิ่งหอมแรงขึ้น แสดงว่าสุกแล้ว ตักเสิร์ฟได้ทันทีกินกับข้าวเหนียวร้อนๆ

เครปไข่เจียวทูน่า อาหารมื้อเช้าของคนกินคลีน

เครปไข่เจียวทูน่า เป็นไข่เจียวที่นำมาดัดแปรงให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพและทำให้น่ากินโดยเพิ่มปลาทูน่าปรุงรสตามใจชอบ  นำปลาทูน่าที่เราเตรียมไว้มาวางบนแผ่นไข่ซ่อนทับกันเป็นชั้นๆ เราก็จะได้ เครปไข่เจียวปลาทูน่าที่แสนอร่อยและไม่อ้วน แถวยังได้ประโยชน์จากเนื้อปลาทูน่า ไข่และผักต่างๆที่ใส่ลงไป เรียกได้ว่ากิน เครปไข่เจียวปลาทูน่าจานเดียวเหมือนได้ทานอาหารครบ 5 หมู่ แถวยังทำง่าย วัตถุดิบก็หาได้จากในครัว และยังอร่อยเหมือนมื้ออาชีพทำเลย

ส่วนผสม “เครปไข่เจียว”
-ไข่ไก่ 3 ฟอง
-ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
-พริกไทยดำป่นเล็กน้อย
-น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา

ส่วนผสม “ไส้ทูน่า”
-ทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ 1 กระป๋อง (บีบน้ำออก เอาเฉพาะเนื้อ)
-ผักตามชอบ (เราใช้แครอท ข้าวโพด และถั่วลันเตา)
-มะเขือเทศท้อสับ (ใช้ทั้งเม็ด) 1 ถ้วย (หรือซอสมะเขือเทศคลีน วิธีทำอยู่ในเมนูที่ 22)
-น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
วิธีทำเครปไข่
1. ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทยดำป่นเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน (แบบทำไข่เจียวเลยค่ะ)
2. ตั้งกระทะเทฟลอน ใส่น้ำมันมะกอกลงไป เกลี่ยให้ทั่ว
3. ใส่ไข่ไก่ที่ผสมแล้ว เอียงกระทะให้ไข่ไก่กระจายเป็นแผ่น ๆ ใช้ไฟอ่อน รอให้ไข่สุก (สังเกตที่ขอบกระทะไข่จะล่อนออกค่ะ) ตักขึ้นพักไว้ ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จะได้ไข่แผ่นประมาณ 4-5 แผ่น แล้วแต่ขนาดกระทะ

วิธีทำใส่ทูน่า
1. ตั้งกระทะพอร้อน ใส่น้ำมันมะกอก
2. พอร้อนใส่มะเขือเทศสับ หรือซอสมะเขือเทศลงไปผัดพอร้อน
3. ใส่ผักต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้ากัน
4. ใส่ทูน่าลงไปผัดให้เข้ากัน ตักพักไว้ให้คลายความร้อน

วิธีทำเครปไข่เจียว 
1. วางไส้ทูน่าลงบนไข่แผ่น 1 แผ่น เกลี่ยให้ทั่วทั้งแผ่น วางทับด้วยไข่อีก 1 แผ่น ทำไปเรื่อย ๆ จนได้ชั้นตามที่ต้องการ
2. ใช้มีดตัดเป็นชิ้นตามต้องการ เป็นอันเสร็จค่ะ รับประทานเป็นอาหารว่าง หรือรับประทานคู่กับข้าวกล้องร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมผักสลัดค่ะ